Tag Archive รวม 5 ที่เที่ยวในญี่ปุ่นยอดนิยมปี 2020 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักเดินทาง

รวม 5 ที่เที่ยวในญี่ปุ่นยอดนิยมปี 2020 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักเดินทาง

อันดับที่ 1 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) [เกียวโต]

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (伏見稲荷大社) เป็นที่รู้จักและโด่งดังจากเซ็มบงโทริอิ (千本鳥居) หรือซุ้มประตูสีแดงแบบญี่ปุ่นกว่าพันต้นที่เรียงรายทอดยาวตลอดเส้นทางเดินอันศักดิ์สิทธิ์ ในทุกปีมีผู้คนมากมายทั้งจากในและต่างประเทศแวะเวียนมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อเก็บภาพความประทับใจของซุ้มโทริอิสีแดงสดที่งดงามราวกับเป็นผลงานชิ้นเอก ว่ากันว่าในช่วงฮัตสึโมเดะ (初詣, การเดินทางไปสักการะขอพรในช่วงวันปีใหม่ของญี่ปุ่น) มีผู้มาเยี่ยมเยียนศาลเจ้าฟูชิมิอินาริมากถึง 2,700,000 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโตเทียบไม่น้อยหน้าศาลเจ้าเมจิ (明治神宮, Meiji Shrine) ในโตเกียวเลยทีเดียว

ไม่ว่าใครที่ได้แวะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ก็คงอดรู้สึกฉงนไม่ได้ว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีเสาโทริอิมากมายถึงเพียงนี้ ทฤษฎีหนึ่งอธิบายไว้ว่า เป็นเพราะในสมัยก่อนมีแนวคิดว่าการ “เดินผ่าน” ซุ้มประตูโทริอิเหล่านี้จะนำพาให้คำขอ “ผ่าน” ไปถึงเหล่าเทพเจ้าได้ บ้างก็ว่าเสาแต่ละต้นเป็นเหมือนการสักการะแสดงคำขอบคุณต่อเทพเจ้าที่ได้ทำให้คำขอแต่ละข้อกลายเป็นจริงอีกด้วย

เนื่องจากพื้นที่สักการะบูชาของศาลเจ้าครอบคลุมไปทั่วทั้งภูเขาอินาริยามะ (稲荷山, Mount Inari) ด้วยทางเดินที่ทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตร และไต่ระดับความสูงขึ้นไปถึง 233 เมตร จึงต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเดินเที่ยวชม ซึ่งภายในพื้นที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแห่งนี้มีทั้งจุดเที่ยวชมและศาลเจ้าเล็กใหญ่ให้แวะสักการะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า กันริกิ (眼力社, Ganriki Shrine) ที่ตั้งขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งดวงตา ศาลเจ้าโอเซกิ (おせき社, Oseki Shrine) ที่มีไว้สักการะเทพเจ้าแห่งลำคอ หรือศาลเจ้ายากุริกิ (薬力社, Yakuriki Shrine) ที่ว่ากันว่าจะช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้กับผู้ที่มาสักการะบูชา และยังมีศาลเจ้าที่ให้โชคลาภและพรเกี่ยวกับสุขภาพอีกมากมาย

นอกจากการเดินผ่านเซ็มบงโทริอิ เส้นทางแห่งซุ้มประตูสีแดงแล้ว การมาสัมผัสฟูชิมิอินาริผ่านเส้นทางบนภูเขาที่เรียงรายไปด้วยศาลเจ้ามากมายนั้นก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย ที่สำคัญ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแห่งนี้ไม่มีเวลาปิดทำการ จึงสามารถมาสัมผัสประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน

อันดับที่ 2 พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum) [ฮิโรชิม่า]

พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (広島平和記念碑) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดฮิโรชิม่าที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1955 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึงความเสียหายอย่างมหาศาลจากเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ภายในอาคารมีการจัดแสดงรูปถ่าย เอกสารข้อมูล ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ของผู้รอดชีวิต ไปจนถึงอนุสาวรีย์รำลึกถึงเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้นจำนวนมาก

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงหุ่นที่จัดทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหยื่อจากเหตุการณ์ระเบิด และรูปถ่ายของเด็กสาวที่ถูกไฟไหม้ เพื่อถ่ายทอดและเตือนใจผู้มาเยี่ยมชมถึงความโหดร้ายของโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น นอกจากนี้แล้ว ภายในยังมีนิทรรศการที่ให้ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นำมาสู่การทิ้งระเบิดในครั้งนั้นอีกด้วย

ผู้คนมากมายเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อเรียนรู้ถึงความโหดร้ายทารุณของสงคราม และเพื่อตระหนักได้ว่าความสงบนั้นล้ำค่าเพียงใด แม้ตัวโดมปรมาณูจะถูกล้อมรอบด้วยรั้วและไม่ได้เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชม แต่ท่านสามารถรับชมอย่างใกล้ชิดจากบริเวณภายนอกรั้วได้ตลอดเวลา

อันดับที่ 3 เกาะอิทสึคุชิมะ และศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima and Itsukushima Shrine) [ฮิโรชิม่า]

นอกเหนือจากหาดทรายขาวอามาโนะฮาชิดาเตะ (天橋立, Amanohashidate) ในจังหวัดเกียวโต และมัตสึชิมะ (松島, Matsushima) เมืองชายฝั่งในจังหวัดมิยากิแล้ว เกาะอิทสึคุชิมะ (厳島神社) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าเกาะมิยาจิม่า ยังเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่กล่าวขานกันว่าสวยที่สุดและเป็นดั่งสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย ด้วยความยาวโดยรอบเกาะเพียง 30 กิโลเมตร เกาะอิทสึคุชิมะแห่งนี้เป็นเกาะขนาดเล็กอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการนับถือบูชาประหนึ่งเป็นเทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว

ใจกลางเกาะแห่งนี้มีศาลเจ้าอิทสึคุชิมะที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 1,400 ปีก่อน โดยทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งจากในและต่างประเทศหลั่งไหลกันเข้ามาเพื่อรับชมทิวทัศน์อันสวยงามของซุ้มประตูโทริอิที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ภาพของโทริอิที่มองดูแล้วราวกับลอยอยู่กลางทะเลเมื่อยามน้ำขึ้นสูงนั้นเป็นที่ตราตรึงในใจของผู้ที่แวะเวียนมาเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์อันสวยงามแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถพบเห็นและเล่นกับกวางบนเกาะได้อย่างเสรี เหมือนกับที่สวนสาธารณะนารา อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนาราอีกด้วย

อันดับที่ 4 วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) [นารา]

เสน่ห์ของวัดโทไดจิ (東大寺) อยู่ที่ความใหญ่โตตระการตาของศาลาไดบุตสึเด็น (大仏殿, Daibutsuden Hall) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางวัด ด้วยความสูงถึง 15 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นอาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดแห่งนี้มีประติมากรรมไดบุตสึ หรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่สำหรับการกราบไหว้บูชาของพุทธศาสนิกชนประดิษฐานอยู่ ระหว่างเส้นทางจากประตูวัดไปสู่ศาลาไดบุตสึเด็น มีซุ้มประตูนันไดมง (南大門, Nandaimon Gate) ที่มีรูปปั้นเทพคงโกริคิชิ (金剛力士, Kongorikishi) คอยยืนอารักขาอยู่ทั้งสองข้างประตู ความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นไม้ที่สูงตระหง่านถึง 25 เมตรนี้ สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้อย่างไม่รู้ลืม

วัดโทไดจินั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะนารา (奈良公園, Nara Park) ที่มีความกว้างถึง 5.02 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ทั้งหมดดูแลโดยจังหวัดนาราเอง และเปิดให้เข้าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นอกจากตัววัดและสวนสาธารณะแล้ว เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของสถานที่แห่งนี้ก็คือ เหล่ากวางที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะนารา ที่มักจะเล่นกับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร ปัจจุบันมีกวางในสวนแห่งนี้มากถึง 1,200 ตัว และได้รับการจัดให้เป็นสัตว์สงวนแห่งชาติของญี่ปุ่น

อันดับที่ 5 พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (The Hakone Open-Air Museum) [คานากาว่า]

ฮาโกเน่ (箱根, Hakone) เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของธรรมชาติได้ตลอดทั้งสี่ฤดูกาล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้ใช้ความงามของธรรมชาตินั้น รังสรรค์เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1969 และพึ่งได้เฉลิมฉลองวันครบรอบ 50 ปี ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ที่พึ่งผ่านมา

จุดขายสำคัญที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ นิทรรศการประติมากรรมกลางแจ้ง ที่เปิดให้รับชมในพื้นที่โล่งกว้างภายนอก ภายในสวนสวยสีเขียวชอุ่มขนาด 70,000 ตารางเมตร ที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาแห่งเมืองฮาโกเน่นี้ มีผลงานศิลปะร่วมสมัยของช่างแกะสลักยอดฝีมือระดับโลกอย่าง Auguste Rodin, Antoine Bourdelle, Henry Moore, และศิลปินแห่งชาติของญี่ปุ่นอย่าง Taro Okamoto (岡本 太郎) จัดแสดงอยู่รวมถึงกว่า 120 ชิ้น

นอกจากโซนกลางแจ้งแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีส่วนจัดแสดงผลงานภายในร่มอีกด้วย โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ Picasso Pavillion ที่ได้รวบรวมคอลเล็คชั่นงานศิลปะของศิลปินทั่วโลกกว่า 319 ชิ้นมาจัดแสดงโดยพลัดเปลี่ยนกันไป นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี ออนเซ็นน้ำพุร้อนและบ่อแช่เท้าภายในอาคาร ที่สามารถมาแวะพักผ่อนคลายได้อย่างเพลิดเพลินใจอีกด้วย