รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มในอีก 3 จังหวัดทางตะวันตกของประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรง พบผู้ติดเชื้อวันเดียวเกือบ 5,000 รายสำนักข่าว เอ็นเอชเค รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ม.ค. 2564 นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สุกะ หารือร่วมกับนาย คัตสึโนบุ คาโตะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนาย ยาสุโตชิ นิชิมุระ รัฐมนตรีผู้ดูแลเรื่องการตอบสนองต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และเห็นชอบที่จะเดินหน้าเรื่องการประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติมในจังหวัด โอซากา, เฮียวโงะ และ เกียวโต
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัด โอซากา, เฮียวโงะ และ เกียวโต ออกมาเรียกร้องเมื่อวันเสาร์ให้รัฐบาลกลางประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ของพวกเขา หลังจากก่อนหน้านี้ ประกาศไปในกรุงโตเกียวกับ 3 จังหวัดข้างเคียงอย่าง ชิบะ, คานากาวะ และ ไซตามะ ขณะที่มีรายงานด้วยว่า ผู้ว่าฯ จังหวัด ไอจิ กับ กิฟุ จะยื่นคำร้องในวันอังคาร เพื่อขอให้รัฐบาลกลางประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ของพวกเขาด้วย
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นรายงานในวันจันทร์ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศอีก 4,876 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยพบมากที่สุดในกรุงโตเกียวที่ 1,219 ราย ซึ่งเป็นผลจากการตรวจโรคประชาชนเพียง 9,628 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในเมืองหลวงแห่งนี้เพิ่มเป็น 76,163 รายแล้ว ขณะที่พบผู้เสียชีวิตอีก 48 ศพ
จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดลำดับรองลงมาคือ คานากาวะ 695 ราย, โอซากา 481 ราย, ไซตามะ 347 ราย, ชิบะ 340 ราย, ฟุคุโอกะ 212 ราย, ไอจิ 198 ราย, เฮียวโงะ 154 ราย, เกียวโต 142 ราย, ฮอกไกโด 135 ราย, โทชิงิ 106 ราย, นากาโนะ 73 ราย, อิบาราคิ 67 ราย, ฮิโรชิมา 59 ราย, คุมาโมโตะ 53 ราย, ชิสุโอกะ 53 ราย และ กิฟุ 50 ราย
สมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นเสด็จออกงานปีใหม่ 2564 ที่ลดขนาดงานลดทั้งในแง่ขนาดและความหรูหรา เพื่อสอดรับต่อยุคการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ประชาชนเผชิญกับความลำบากทางเศรษฐกิจมากขึ้น
พระบาทสมเด็จพระจักรพรรดินะรุฮิโตะ สมเด็จพระจักรพรรดินีมะสะโกะ เสด็จพระราชดำเนินออกงานดังกล่าว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์อีก 12 พระองค์ โดยพบว่าทุกพระองค์สวมพระหน้ากากอนามัยและทรงปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นพระองค์ใดสวมมงกุฎเพชร ทั้งยังพบว่าสมาชิกราชวงศ์สวมเครื่องปรับน้อยชิ้นลงมากกว่าที่ผ่านมา โดยจะเห็นว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีสวมฉลองพระองค์สีขาว ถุงมือ และสายสะพายสีทองแถบแดง และสร้อยคอเท่านั้น ซึ่งต่างจากปีก่อน ที่พระจักรพรรดินีทรงสวมมงกุฎเพชร สร้อยคอและสร้อยข้อมือเพชร
สมเด็จพระจักรพรรดินี มีพระราชเสาวนีย์ขออวยพรจากพระหทัยให้ปีนี้อ่อนโยนต่อพสกนิกร และอวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรงเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในท้องที่กรุงโตเกียวและเมืองโดยรอบไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. หลังจากพบว่าผู้ติดเชื้อจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในญี่ปุ่นเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5,953 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 72 คน ทำให้มีจำนวนสะสมตั้งแต่การระบาดครั้งแรกทั่วประเทศแล้วอย่างน้อย 259,105 คน และเสียชีวิต 3,804 คน
คนญี่ปุ่นจริงจังกับการเข้าคิวมาก จะเข้าแถวในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นป้ายรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือแม้แต่เวลาใช้ลิฟต์ ที่น่าทึ่งคือสามารถยืนเข้าแถวได้เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว อย่างเช่น เวลาต่อแถวรอขึ้นเครื่องเล่นในสวนสนุก ส่วนการใช้รถไฟฟ้าก็คล้ายกับบ้านเรา ให้เข้าแถวรอคิวตามเส้น และรอผู้โดยสารออกจากขบวนรถให้เสร็จก่อน จะต่างกันตรงที่บ้านเขารอให้ผู้โดยสารออกหมดก่อนจริงๆ ไม่มียืนขวางแม้แต่นิดเดียว
ทราบไหมว่า ทำไมใคร ๆ ถึงนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่น? เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วแทบทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมเกือบทุกส่วนของประเทศ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัย แต่ถึงแม้จะพัฒนาไปไกลสักเพียงไหน ประเทศญี่ปุ่นก็ยังรักษาวิถีแห่งวัฒนธรรมที่เป็นเสน่ห์ของญี่ปุ่นไว้อย่างชัดเจน เช่น อาหาร, การแต่งกาย, วัฒนธรรมหรือประเพณีความเชื่อ เป็นต้น
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังระดับโลก อย่างภูเขาไฟฟูจิที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศ หรือเสาโทริอิสีแดงนับร้อยนับพันที่เรียงต่อกันที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นภาพผ่านตากันมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนดังระดับโลกหลายเรื่องอีกด้วย
และสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ การอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวให้แก่คนต่างชาติ ด้วยการจัดทำป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ หรือมีแผนที่ภาษาอังกฤษแจกตามสถานีรถไฟ ซึ่งในบางสถานที่ก็มีป้ายเป็นภาษาไทยด้วยล่ะครับ และที่สำคัญคือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีตารางเวลารถออกที่ชัดเจนและตรงต่อเวลาอย่างมาก จะไปไหนก็สะดวกและรวดเร็วมากเลยทีเดียว จึงทำให้คุณสามารถวางแผนท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นได้แบบสบาย ๆ เห็นไหมครับว่า ประเทศนี้ดึงดูดคุณได้มากขนาดไหน
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก “สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น” เผยแพร่ประกาศ ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามผู้ที่เดินทางมาจากไทย และอีก 72 ประเทศ เข้ามาในญี่ปุ่น มีผลตั้งแต่ 00.01 น. ของวันที่ 3 เม.ย. 63 (ตามเวลาญี่ปุ่น
ส่วนผู้ที่ได้รับการยกเว้น เช่น มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุ่น จะต้องปฏิบัติตามมาตรการกักกันโรคอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาแล้ว จะต้องถูกกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ทางการญี่ปุ่น และไม่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ก่อนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ถ้าได้ดูหนังญี่ปุ่นที่ทำให้ได้เห็นวิวและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไว้ก่อนก็จะยิ่งทำให้รู้สึกอยากไปเที่ยวมากขึ้นใช่มั้ยคะ Ready For Japan! ตอนที่ 3 นี้ได้รวบรวมหนังที่ความนิยมสูง หาดูได้ง่ายจากเว็บไซต์ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ (ดูหนังออนไลน์) และเราจะขอแนะนำโลเคชั่นหรือสถานที่ต้นแบบที่ปรากฎอยู่ในเรื่องไว้ด้วย
1. มิติวิญญาณมหัศจรรย์ – Spirited Away (2001)
Spirited Away คือหนังอนิเมชั่นหนึ่งที่เป็นดั่งตัวแทนของญี่ปุ่น เรื่องราวของเด็กสมัยใหม่เอาแต่ใจชื่อจิฮิโระ (Chihiro) กับพ่อแม่ที่หลงเข้าไปในโลกลี้ลับด้วยกันในระหว่างที่กำลังเดินทางย้ายบ้าน ในโลกลี้ลับแห่งนี้พ่อกับแม่ได้กลายเป็นหมู จิฮิโระที่เหลือรอดอยู่จึงต้องไปทำงานให้กับแม่มดแห่งโรงอาบน้ำยูบาบาผู้แสนโลภ
ที่ทำงานของจิฮิโระคือโรงอาบน้ำที่เหล่าเทพทั้งหลายมาชำระล้างร่างกาย พอได้เห็นภาพโรงอาบน้ำสีสันตระการตาในเรื่องแล้วหลายคนคงรู้สึกอยากลองไปเที่ยวที่แบบนั้นขึ้นมาบ้าง
2. ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์ – From Up on Poppy Hill (2011)
ฉากของเรื่องคือเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ในปี 1963 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะจัดโตเกียวโอลิมปิก มีการเปิดให้บริการชินคันเซ็นสายโทไคโดและเร่งสร้างอาคารต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูของญี่ปุ่นในช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนของยุคสมัยนี้ ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในโยโกฮาม่าได้มีโครงการรื้อถอนอาคารชมรมวัฒนธรรม “ละติน ควอเตอร์” ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่สไตล์ตะวันตกจึงเกิดการต่อต้านจากนักเรียนกลุ่มหนึ่ง และนี่คือหนึ่งในแกนหลักของเรื่องนี้
เนื้อเรื่องไม่ได้สร้างขึ้นมาจากโรงเรียนหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแต่ภาพวิวเมืองท่าเรือและเรื่องราวของชมรมละติน ควอเตอร์ที่ถ่ายทอดออกมาก็สามารถทำให้เราได้สัมผัสถึงบรรยากาศย้อนยุคของโยโกฮาม่าในอดีตได้อย่างดี
สำนักข่าวเกียวโดรายงานการเปิดเผยของแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นจะประเมินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “Go To Travel” ในวันนี้ โดยอาจจะตัดสินใจระงับโครงการดังกล่าวสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น
รัฐบาลกรุงโตเกียวยืนยันในวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 539 คน ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากทำสถิติ 534 รายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
คณะทำงานเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ของรัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอให้ทำการทบทวนโครงการดังกล่าวในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศซึ่งมีการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลได้เริ่มพิจารณาที่จะจำกัดโครงการดังกล่าวซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในประเทศ
ด้านนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะได้พยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ระบุว่าญี่ปุ่นต้องดำเนินมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุดในสถานการณ์ปัจจุบัน
เวลาเราจะไปเที่ยวในต่างประเทศสิ่งที่เราควรรู้เลยคือ ข้อห้ามที่ประเทศนั้นๆ เขาห้าม หรือไม่ให้ทำ สำหรับวันนี้เราจะไปเที่ยวญี่ปุ่น กันเราก็ต้องรู้ของประเทศญี่ปุ่น ว่าเขาจะมีข้อห้ามใดบ้าง มากันเลย
1.ไม่ควรชี้นิ้วใส่คนอื่นและไม่จ้องตาคนอื่นนาน ๆ
การใช้นิ้วชี้ใส่คนอื่นเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาท อีกทั้งคนญี่ปุ่นก็มีคนที่ไม่คุ้นเคยกับการสนทนาและจ้องตาคู่สนทนานานๆ
2.การแยกขยะ
ห้ามทิ้งขยะไม่เป็นที่ หากไม่มีถังขยะบริเวณใกล้เคียง จะต้องเก็บขยะใส่กระเป๋าตัวเองกลับมาด้วย และเมื่อจะทิ้งขยะจำเป็นต้องแยกขยะประเภทของขยะ เช่น “ขยะเผาได้” “ขยะเผาไม่ได้” “ขวด” และ “กระป๋อง” เป็นต้นจากนั้นให้ทิ้งใส่ถังขยะตามลักษณะเฉพาะของประเภทถังที่ระบุไว้
3.รักษาความสะอาดโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
ชาวญี่ปุ่นจะสอนให้รักษาความสะอาดตั้งแต่เด็ก ในโรงเรียนก็มีเวลาให้เด็กๆได้ทำความสะอาดด้วย อีกทั้งใช้สิ่งของสาธารณะร่วมกันอย่างทะนุถนอม มีความดีงามที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ฉะนั้นจึงไม่ควรถ่มน้ำลายหรือหมากฝรั่งลงบนทางเท้า เดินแถวเรียงหน้ากระดานตามทางเดิน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องอาหารทะเลที่ถูกนำมาทำเป็นซูซิ ซาชิมิ หรือนำมาทานกับข้าวญี่ปุ่นในชามก็ดูเข้ากันดี โดยปลาที่ชาวญี่ปุ่นรับประทานกันนั้นก็มีทั้งแบบปลาสด ๆ และปลาที่แช่แข็งแล้วต้องนำมาละลายก่อนทาน วันนี้เรามาดูกันว่ามีปลาอะไรบ้างที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมากและบอกว่าอร่อยที่สุด
1.Chum salmon (sake) ปลาแซลมอน
ไม่น่าเชื่อว่าปลาที่อร่อยที่สุดจะไม่ใช่ปลาทูน่า แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าปลาแซลม่อนนี้อร่อยถูกใจคนทั่วโลกจริง ๆ และก็สามารถเอาชนะใจคนญี่ปุ่นได้ด้วย พูดแล้วก็หิวเลย งั้นเย็นนี้ไปทานปลาแซลม่อนให้หายอยากดีกว่า
2.Pacific bluefin tuna (maguro) ปลาทูน่ามากุโระ
นี่เป็นปลาที่ถูกนำมาทำซูชิมากที่สุด และผู้ชายก็ชอบปลาทูน่ามากุโระมากที่สุดอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ปลาชนิดนี้กลับไม่ได้ที่ 1 ไปครอง
3.Mackerel (saba) ปลาซาบะ
ปลาซาบะกระป๋องนั้นมีมานานแล้ว และทันทีที่อาหารเมนูนี้เข้ามาในญี่ปุ่นก็ทำให้คนที่นี่หลงรัก แต่อย่างไรก็ตาม คนญี่ปุ่นชอบทานปลาซาบะกันมาก ๆ โดยเฉพาะชาว Osaka ที่จะนำปลาซาบะมาดองในน้ำส้มสายชู แล้วนำมาทานร่วมกับข้าวคลุกน้ำส้มสายชูและผัก
4.Eel (unagi) ปลาไหล
ด้วยเนื้อสัมผัสคล้ายกับเนื้อแดง ถ้าได้ทานปลาไหลราดซอสร่วมกับข้าวสักจาน รับรองได้ว่ามันจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกดี ๆ ให้กับมื้ออาหารของคุณได้อย่างแน่นอน โดยอาหารจานนี้สามารถทานได้ทั้งแบบร้อนและเย็น คนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าได้ทานข้าวหน้าปลาไหลในช่วงหน้าร้อนจะทำให้ร่างกายต้านร้อนได้ดีขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายได้ด้วย
5.Sea bream (tai) ปลาจานหรือปลาอีคุด
ปลาอีคุดเป็นปลาที่ใครกินแล้วจะโชคดี ส่วนใหญ่มักถูกนำมาทำอาหารสำหรับงานมงคลอย่างเช่นงานแต่งงาน หรือโอกาสสำคัญต่าง ๆ แต่ถึงจะไม่มีโอกาสพิเศษ ชาวญี่ปุ่นก็ยังทานปลาชนิดนี้อยู่บ่อย ๆ สามารถทานเป็นซาชิมิ หรือนำมาย่างก็รสชาติดีใช้ได้
ข้าวหน้าเนื้อหรือดงบุริ (Donburi) คงกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการควานหาร้านอาหารญี่ปุ่นกันใช่ไหมคะ โดยเฉพาะคนชอบกินเนื้อวัว ต้องห้ามพลาดเมนูข้าวหน้าเนื้อแน่นอน กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น หรือ กิวด้ง (Gyudon) สูตรจาก เฟซบุ๊ก ทำอาหารในแบบง่าย ๆ ตามสไตล์ Rita สูตรเนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำซอส แถมยังใส่เส้นชิราตากิลงไปด้วย ต่อไปนี้ทำกินเองง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่ต้องไปหาร้านข้าวหน้าเนื้อ หรือไปเสาะหาว่าข้าวหน้าเนื้อร้านไหนอร่อยอีกแล้ว
ส่วนผสม ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น
• ขิงบด 5 กรัม
• หอมหัวใหญ่สไลซ์ 1 หัว
• เนื้อวัวสไลซ์ 300 กรัม
• เส้นชิราตากิ 200 กรัม
เครื่องปรุง
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
• ผงดาชิ 1 ช้อนชา
• สาเก 2 ช้อนโต๊ะ
• มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
• โชยุ 6 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1+1/2 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะะ
1.นำขิงบด น้ำตาลทราย ผงดาชิ สาเก มิริน โชวยุ และน้ำเปล่า มาเทรวมกันไว้ในถ้วย คนผสมให้เข้ากัน พักไว้
2. ใส่หอมหัวใหญ่กับน้ำมันพืชลงในกระทะแล้วเปิดไฟแรงผัดจนหอมหัวใหญ่เริ่มสลด
3. ใส่เนื้อวัวลงไปผัดแค่พอสุก
4. เทส่วนผสมน้ำปรุงในข้อที่ 1 ลงไป พอน้ำเดือดก็ปรับเป็นไฟกลาง รอให้น้ำงวดลงครึ่งหนึ่ง
5. ระหว่างรอน้ำงวด ให้นำเส้นชิราตากิไปต้มแล้วนำมาล้างเพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นจึงใช้มีดหั่นครึ่ง เพื่อให้เส้นไม่ยาวจนเกินไป (ถ้าไม่ต้มก็ให้ล้างหลาย ๆ น้ำ) 6. ใส่เส้นชิราตากิลงในกระทะ ผัดจนน้ำเริ่มงวดอีกสักนิดเป็นอันเสร็จ