เที่ยวญี่ปุ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลบร้อนกับ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไปไม่ถึง
อยู่เมืองไทยในช่วงนี้มันรู้สึกร้อนแสนร้อน หลายคนคงกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวหลบร้อนกันหลายประเทศ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกนั้นต้องเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัย ต้นกำเนิดดอกซากุระอย่าง “ประเทศญี่ปุ่น” แน่นอน เพราะด้วยอากาศที่เย็นสบาย รวมทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเรา ทำให้ญี่ปุ่นเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนคิดอยากจะเดินทางไปเยือน วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาแนะนำ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไม่ถึงจ้า ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวจะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราเลยจ้า… สามารถดู ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
1. พระราชวังอิมพีเรียล
พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีก หนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
ซึ่ง ภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
2. โตเกียว ทาวเวอร์
โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอย สื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ โลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย
3. หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการ ใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
4. ภูเขาฟูจิ
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko) หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ yokosojapan.org
5. ช้อปปิ้งย่านสุดฮิตที่ย่านชินจูกุ ฮาราจูกุ โอไดบะ
เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่ง ท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่ สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม
6. โอซาก้า
เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan
แต่ ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร “คุอุดะโอะเระ” ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
7. ปราสาทฮิเมะจิ
ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด
ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้ บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
8. วัดโทไดจิ
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญ ของเมืองนาราอีก 7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือ วิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)
9. ฮอกไกโด
ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของ ญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็น เมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
10. ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ณ ฟุระโนะ
เมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดู หนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือน กันยายน ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคม ถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี
ประเทศในดวงใจของหลาย ๆ คนที่อยากไปสัมผัสกับความงดงามของบ้านเมือง ธรรมชาติ วิถีชีวิต และอาหารการกินต่าง ๆ ซึ่งหลังจากปิดประเทศช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 มาหลายปี ในปี 2565 ญี่ปุ่นเริ่มมีการลดมาตรการเกี่ยวกับโควิด 19 และเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติอีกครั้ง ทำให้คนที่รอคอยไปญี่ปุ่นเริ่มค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเยือนดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ เพราะต้องลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Website นอกจากนี้ยังมีเอกสารจำเป็นอื่น ๆ อีก เช่น ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด ทำประกันการเดินทาง เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เที่ยวญี่ปุ่น 2022
วัดเซงันโตจิ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจ เช่น พระราชวังอิมพีเรียล, โตเกียว ทาวเวอร์, ย่านชิบูย่า, ภูเขาไฟฟูจิ, ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก, สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น, ปราสาทฮิเมะจิ, วัดโทไดจิ, ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ, ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ, อุทยานลิงภูเขา, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ, วัดคินกะกุ, สวน Shinjuku Gyoen, สวนกวางนารา และป่าไผ่อาราชิยามะ เป็นต้น
ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมเดินทางไปสัมผัส โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่าง “โตเกียว” มหานครแห่งสีสันที่ผสมผสานความทันสมัยและความเก่าแก่เอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องความทันสมัยของเทคโนโลยีต่าง ๆ หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ โดยฟรีวีซ่าให้คนไทย ไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องตรวจโควิด เพียงแค่ต้องลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Website ก่อนเดินทาง โตเกียวจึงกลับเข้าสู่การค้นหาข้อมูลจาก Google อีกครั้ง แถมยังติดอยู่ในลิสต์ Top 10 อีกด้วย
โตเกียวทาวเวอร์ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวโตเกียวที่น่าสนใจ เช่น ศาลเจ้าเมจิ, ย่านฮาราจูกุ, พระราชวังอิมพีเรียล, โตเกียวทาวเวอร์, ย่านกินซ่า, ย่านอากิฮาบาระ, ห้าแยกชิบูย่า, ตลาดปลาซึกิจิตลาดปลาซึกิจิ, ย่านรปปงงิ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว, วัดเซ็นโซ, โตเกียวสกายทรี, สวนสาธารณะอุเอโนะ, วัดเซนโซจิ, พิพิธภัณฑ์จิบลิ, อุทยานหลวงชินจูกุ, เกาะโอไดบะ และสะพานสายรุ้ง เป็นต้น
บรรยากาศเมือง, โตเกียว โดย ShutterStock
มาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย โตเกียวเป็นทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองที่มีความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ ที่วัตนธรรมหรือวิถีชีวิตบางอย่าง ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน หากถามว่าถ้านักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ต้องไปตามย่านไหนในเมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่นบ้างนั้น มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถไปดื่มด่ำทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรม, แหล่งช้อปปิ้งมากมายและ ของกินสตีทฟู๊ตรสชาติอร่อยเด็ด แต่ที่เที่ยวขึ้นชื่อของเมืองโตเกียวนี้ จะมีตั้งแต่ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรืออีกชื่อคือ วัดอาซากูซะ ที่ผู้คนรวมถึง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวโตเกียวนิยมไปขอพรพระโพธิสัตว์กวนอิมกัน ไปต่อกันที่แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมทั้ง ชิบูย่า (Shibuya) , กินซ่า (Ginza) และ อากิฮาบาระ (Akihabara) กับอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้คือ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่ห้ามพลาดกันเลยนะคะ
วัดเซ็นโซจิในอาซากุสะ, โตเกียว โดย ShutterStock
สะพานสายรุ้ง, โตเกียว โดย ShutterStock
โตเกียวทาวเวอร์, โตเกียว โดย ShutterStock
บรรยากาศรอบ ๆ ปราสาทโอซาก้า, โตเกียวโดย ShutterStock
มาต่อกันเลยที่เมืองสุดฮิตอย่าง โอซากะ หรือคนไทยจะออกเสียงเป็นโอซาก้า เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นแล้ว ต้องหาวันว่างสัก 1 วันดื่มด่ำไปกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง สวนสนุกระดับโลก Universal Studios Japan ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างเทใจให้เป็นสถานที่ชาร์จพลัง ต่อมาคือไอคอนแห่งเมืองโอซาก้า ปราสาทโอซะกะ (Osaka Castle) และที่เที่ยวอื่น ๆ ที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium), ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) และ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ที่มีร้านค้าน้อยใหญ่ ทั้งของกิน ของใช้และของฝากในราคาที่ย่อมเยา หากใครอยากไปเห็นด้วยสายตาตัวเองละก็ รีบจัดทริปแล้วบินไปกันเลย
ชมการประดับไฟช่วงคริสต์มาส
คริสต์มาสเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่คนญี่ปุ่นจะตื่นเต้นเป็นพิเศษไม่แพ้ประเทศในแถบตะวันตกเลยล่ะค่า เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนจะถือว่าเป็นฤดูแห่งการประดับไฟฤดูหนาวที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ละที่จัดเต็มกันสุดๆ อลังการและโรแมนติกมากกก รับรองว่าตื่นตาตื่นใจจนต้องร้องว้าววววววว! อย่างแน่นอน
โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เลยค่ะสำหรับที่นี่ เพราะโด่งดังมากกจัดติดต่อกันมากว่า 10 ปีแล้วค่ะ เป็นเทศกาลงานแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโตเกียว โดยได้เนรมิตสนามหญ้าในสวน Starlight Garden ของโตเกียวมิดทาวน์ให้กลายเป็นทุ่งไฟไดนามิกสีฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับ โดยใช้หลอดไฟ LED กว่า 280,000 ดวง สวยงามละลานตาเหมือนได้หลุดไปอยู่ห้วงอวกาศเลยค่ะ
เราจะได้เห็นความสวยงามของการประดับไฟในรูปแบบต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 11 ส่วน ทั้งบนต้นไม้ ต้นคริสต์มาส ท้องถนน ชอบตรงที่มีการเล่นไฟให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางต่างๆ พร้อมเปิดเพลงประกอบอีกด้วย >,< โดยจะจัดแสดงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึง ปลายเดือนธันวาคม ตั้งแต่เวลา 17:00 – 23:00 ค่า
ฮอกไกโด
ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของ ญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็น เมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
ใครที่ชอบการท่องเที่ยวตามสถานที่ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องไม่พลาดการไปเยือนพระราชวังอิมพีเรียลสักครั้ง ที่นี่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “พระราชวังเอโดะ” ซึ่งแต่เดิมเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นในอดีต ถ้าหากจะเจาะให้ลึกขึ้น แต่เดิมที่ตรงนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่ด้วยทำเลที่ดีเลยกลายเป็นสถานที่ประชุมลับ เป็นฐานทัพ และกลายเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหารก่อนที่จะเข้าสู่ยุคเมจิ ที่มีการปฏิวัติการปกครองแบบโชกุนให้กลายมาเป็นระบบจักรพรรดิแทน และได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นพระราชวังแห่งนี้นี่เอง ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่ได้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิแล้ว แต่ก็กลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยังถูกเก็บไว้อย่างดี มีการเปิดให้คนนอกเข้าชมเป็นบางจุด และสามารถเข้าชมได้ทุกจุดเป็นบางวาระ ก็สามารถไปเยี่ยมชมและท่องเที่ยวภายในกันได้
เที่ยวญี่ปุ่น หิมะ เริ่มต้นกันที่หมู่บ้าน Shirakawago ที่มีความเก่าแก่ในประเทศญี่ปุ่น ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ได้ถูกขึ้นเป็นมรดกโลก หมู่บ้านแห่งนี้สามารถไปท่องเที่ยวได้ทั้งปี ในแต่ละฤดูกาลก็จะเปลี่ยนไปตามฤดู แต่ขอแนะนำช่วงฤดูหนาว เพราะจะได้เห็นหิมะ สีขาวทั่วทั้งหมู่บ้าน เหมาะกับใครที่สนใจอยากเห็นหิมะพร้อมกับบรรยากาศสุดแสนคลาสสิก การเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้สามารถเดินทางโดยรถบัส ที่เมือง Takayama ใช้เวลาเดินทางประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ช่วงฤดูใบไม้ผลิคงไม่มีความงดงามใดเกินหน้าเกินตาเหล่ามวลบุปผาและดอกไม้นานาพันธุ์ ที่กำลังออกดอกเผยความงามเบ่งบานอวดสายตาเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเองและจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งดอกบ๊วยและดอกสึบากิ (ดอกคามิเลีย) ที่เผยความงามก่อนหน้านี้ไปบ้างแล้ว ดอกซากุระอันโด่งดังก็ได้รับการพยากรณ์ว่าจะเริ่มผลิดอกช่วงประมาณกลางเดือนมีนาคมนี้ ไล่ขึ้นไปตั้งแต่โอกินาว่าทางใต้จรดเกาะฮอกไกโดทางเหนือ
และอีกหนึ่งความงดงามที่กำลังเบ่งบานไล่เลี่ยกันอย่างดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่าดอกฟูจิ โดยเฉพาะที่ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden) เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) จ.ฟุกุโอกะ (Fukuoka) ภายในสวนแห่งนี้มีดอกวิสทีเรียมากกว่า 22 สายพันธุ์ พร้อมบานสะพรั่งเต็มพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร
ความจริงแล้วสวนแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งต้องขอบคุณทางเจ้าของสวนใจดี ที่เปิดประตูให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความงาม (แต่เก็บเงินนะ) สำหรับปีนี้ กำหนดการการเยี่ยมชวนสวน Kawachi Fuji Garden ได้ประกาศออกมาแล้วคือระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2561 เริ่มจำหน่ายบัตรเข้าชมในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ (7 Eleven กับ Family Mart ทุกสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น) โดยราคาค่าบัตรขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความงามบานสะพรั่งของดอกวิสทีเรียในวันนั้นๆ (ราคาประมาณ 500- 1,500 เยน)
หลายๆ คนเมื่อต้องวางแผนไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็มักจะนึกถึงเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ย่านการค้าสำคัญ และแหล่งช้อปปิ้งหลากหลายอย่างเมืองโตเกียว มหานครแห่งความเจริญด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์จนใครหลายคนต้องเลือกไปเยือน
แต่หากคุณกำลังมองหาความแปลกใหม่และต้องการวางแผนทริปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองให้ท้าทายขึ้นอีกนิด ลองขยับจุดหมายสักหนึ่งหรือสองวันในทริปเป็นที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ดูสิครับ รับรองว่าเดินทางสะดวก มีความปลอดภัย และยังการันตีความน่าสนใจตลอดการเดินทางเพราะแต่ละแห่งล้วนแต่เป็นที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่ได้รับความนิยม
1. เมืองโอดาวะระ (Odawara)
โอดาวะระเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้โตเกียวขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่รักการเยี่ยมชมศิลปวัฒนธรรมอย่างมาก เนื่องจากมีปราสาทโอดาวะระอันเก่าแก่และงดงามเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อยู่หลายแห่งให้ไปเยี่ยมชมกันเพลินๆ นักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่ต้องการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติฟูจิ อะซึ ฮาโกเน่ต่างก็มักจะแวะมาเยี่ยมชมเมืองโอดาวะระก่อนเสมอ เพราะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ก่อนถึงอุทยานนั่นเอง
2. เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama)
โยโกฮาม่าเป็นเมืองน่าเที่ยวที่อยู่ใกล้โตเกียวมากที่สุด อีกทั้งยังมีสิ่งที่น่าสนใจหลากหลายให้มาเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมชายหาด พิพิธภัณฑ์ราเมง ซังเคเอ็น (Sankeien) ที่คนรักราเม็งต้องติดใจ ไปจนถึงย่านไชน่าทาวน์ที่เต็มไปด้วยสินค้าน่าช้อปและของกินแสนอร่อย
3. เมืองฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเน่เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟฟูจิในอุทยานแห่งชาติฟูจิ อะซึ ฮาโกเน่ ทำให้เมืองอันงดงามนี้เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวหลายคนที่ต้องการเที่ยวรอบนอกโตเกียว นอกจากนี้ฮาโกเน่ยังมีกิจกรรมให้ทำสนุกๆ ตลอดทริป ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือชมทะเลสาบอะชิโน ชิมไข่ต้มสีดำ รวมถึงการเดินทางด้วยกระเช้าไปยังโอวากุดานิ ออนเซ็นชื่อดังประจำฮาโกเน่อีกด้วย
4. ทะเลสาบคาวากูชิโกะ (Kawaguchiko Lake)
ทะเลสาบคาวากูชิโกะมีชื่อเสียงในเรื่องวิวของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามมาก อีกทั้งสวนซากุระและชิบะซากุระริมทะเลสาบยังเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ทะเลสาบแห่งนี้เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบของภูเขาไฟฟูจิที่เราสามารถเดินทางมาได้สะดวกและง่ายที่สุด
5. เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe)
คาวาโกเอะมีชื่อเสียงในด้านอาคารบ้านเรือนแบบยุคสมัยเก่าที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้คาวาโกเอะได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองโบราณ และถือเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน นอกจากนี้ยังมีวัดและศาลเจ้าที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วย
6. เมืองคามาคูระ (Kamakura)
เมืองคามาคูระคืออดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ วัด และสถาปัตยกรรมแบบโบราณอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีศาลเจ้าที่สวยงามและเป็นจุดที่น่าไปเยี่ยมชมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระใหญ่ไดบุสทสึ และวัดเจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น การเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองคามาคูระสามารถมาได้ง่ายด้วยรถไฟโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงจากโตเกียวเท่านั้น
7. นิกโก้ (Nikko)
เมืองนิกโก้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO จึงมีชื่อที่เราคุ้นหูกันดีว่า เมืองมรดกโลกนิกโก้ สำหรับเมืองนี้โดดเด่นในด้านธรรมชาติอันงดงาม และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ทะเลสาบชูเซนจิ น้ำตกเคงอน เป็นต้น
8. ชิชิบุ (Chichibu)
เมืองชิชิบุเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะมีทุ่งดอกมอสสีชมพูหรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า Shibazakura นอกจากนี้ก็จะมีวัดและศาลเจ้าหลักของเมืองที่น่าสนใจอยู่ไม่ไกลกันนักด้วย
9. แหลมอิซุ (Izu Peninsula)
เป็นเมืองออนเซนริมทะเลยอดนิยมของชาวโตเกียว โดยจะมีเมืองเล็กที่ชื่อว่า อาตามิ (Atami) ที่มีบ่อแช่ออนเซนที่สวยงาม มีวิวทะเลให้ชมทั้งแบบ indoor และ outdoor ให้บริการอยู่มากมาย รวมทั้งปราสาทอาตามิ (Atami Castle) ที่สวยงามและเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย
10. เมืองออนเซ็นคูซัตซุ (Kusatsu Onsen)
เป็นหนึ่งในเมืองออนเซนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองโตเกียวมากนักแต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน เกือบ 4 ชั่วโมงโดยรถบัส แต่ใครจะปฏิเสธการเดินทางมาแช่บ่อน้ำร้อนแสนสบายได้ล่ะจริงไหมครับ
เกาะแมวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น เพราะมีคนอาศัยอยู่บนเกาะเพียง 15 คน(ปี 2013) แต่กลับมีแมวอาศัยอยู่หลายร้อยตัว ปล่อยให้เดินได้ทั่วไปอย่างอิสระทั้งเกาะ ทำให้เหล่าคนรักแมวมากมายเดินทางกันมาที่นี่
เอโอชิม่าเกาะเกือบจะร้างขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากชายฝั่งทางทิศตะวันตกของจังหวัดเอฮิเมะ(Ehime)ไปประมาณ 35 นาทีด้วยเรือเฟอรี่ เคยเป็นเกาะที่มีคนหนีจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอาศัยอยู่มากที่สุดในปีค.ศ. 1960 แต่เหลือเพียง 50 คนในปีค.ศ. 2000 บนเกาะไม่มีอะไรคอยให้บริการเลย(ณ ปี 2014) ไม่มีโรงแรม ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีร้านขายของ ไม่มีแม้แต่เครื่องหยอดเหรียญใดๆทั้งสิ้น คนที่ต้องการเดินทางมาที่เกาะนี้ต้องเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งอาหาร ขนม อาหารแมว น้ำดื่ม ร่ม และอื่นๆ รวมทั้งต้องนำขยะของตัวเองทั้งหมด กลับไปที่บนฝั่งด้วย