หลังละล้าละลังอยู่นาน ในที่สุดญี่ปุ่นก็เปิดประเทศอย่างเต็มตัว!
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์หลังเข้าร่วมการอภิปรายทั่วไปประจำปีของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป ญี่ปุ่นจะยกเลิกการจำกัดจำนวนนักเดินทาง พร้อมทั้งเปิดฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายมาตรการควบคุมชายแดนจากโควิด
คิชิดะยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการควบคุมชายแดนเพิ่มเติม เพื่อให้ขั้นตอนการเข้าประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นเหมือนกับประเทศในกลุ่ม 7 ประเทศ ทั้งยังจะเริ่มโครงการเงินอุดหนุนทั่วประเทศอีกครั้งในกำหนดวันเดียวกัน ‘Go to Travel’ จะเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 11,000 เยน แก่นักท่องเที่ยวสำหรับการเข้าพักในโรงแรมต่อคนต่อคืน
ญี่ปุ่นตั้งเป้าฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับขึ้นมาเป็นอับดับ 3 ของโลกอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบหนักจากการขาดการท่องเที่ยวในช่วงการระบาดของโควิด
ในปี 2019 ก่อนการระบาดใหญ่ ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนทั่วโลกปีละ 31.9 ล้านคน คิดเป็น 2 ล้านคนต่อเดือน องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่า ตัวเลขรายเดือนสำหรับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 169,800 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ดี นักเดินทางที่มีแผนเดินทางไปญี่ปุ่นหลังวันนี้ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป กรุณาศึกษาเงื่อนไขให้ละเอียดถี่ถ้วนสำหรับการเข้าร่วมโครงการ Go to Travel
ที่เที่ยวญี่ปุ่น เพราะด้วยการไป เที่ยวอเมริกา อาจต้องมี ค่าใช้จ่าย ที่ค่อนข้างสูง นักท่องเที่ยว จึงต้องประเทศ ที่สามารถ เดินทางไป เที่ยวได้โดย ไม่ต้องใช้ ค่าใช้จ่าย ที่สูงมากนักซึ่ง ประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่ง ประเทศที่ นักท่องเที่ยวส่วนมาก นิยมเดินทางไปเที่ยวกัน เพราะประเทศญี่ปุ่น
มีสถานที่ท่องเที่ยว สวยงามมากมายมี ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji) เป็นภูเขาที่สวยที่สุด ในญี่ปุ่น มีความสูงเหนือ ระดับน้ำทะเล อยู่ที่ 3,776 รูปร่างของภูเขา มีความเท่ากัน เกือบทุกด้าน ซึ่งมีความ สวยงามมาก นอกจากนั้น บริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ ก็ยังมีสถานที่ เที่ยวมากมายอีก เช่น ทะเลทราบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake)
เป็นทะเลสาบ ขนาดใหญ่เป็น อันดับที่สอง ของทั้ง 5 ทะเลสาบ บริเวณรอบ ภูเขาไฟฟูจิ แถมตรงที่ ทะเลสาบนั้น ยังมีกระเช้า ที่ขึ้นไปยัง ด้านบนของ ภูเขาเท็นโจ (Mt.Tenjo) ให้ได้ชมวิวทะเลสาบ และถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ กันอีกด้วย และถ้านักท่องเที่ยว คนไหนที่อยาก จะนอนพักโรงแรม ตรงแถวนั้น ก็ยังมีโรงแรม ให้เช่านอนพักกัน ใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิ ให้ได้ชม วิวทิวทัศน์ ของภูเขาไฟ กันอย่างเต็มที
ถ้าหากว่าจะบอกว่า เป็นที่เที่ยวคล้ายกัน ก็อาจจะพูด ไม่ได้เต็มปาก เรียกว่ามีสิ่ง ที่คล้ายกัน จะเข้าท่ากว่า นั่นก็คือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่มีสีชมพูคล้าย ดอกซากุระของญี่ปุ่น ที่ถือว่าเป็น ดอกไม้ประจำชาติ ของประเทศญี่ปุ่น เลยก็ว่าได้ ซึ่งมีมากมายกว่า 300 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์
ที่เรามักพบ เจอกันบ่อยๆ ในญี่ปุ่น นั่นคือพันธุ์ โซเมอิโยชิโนะ เพราะจะมีอยู่ มากที่สุด ซึ่งจะผลิบาน เต็มที่ใน เดือนมีนาคม หรือเมษายน โดยญี่ปุ่น ก็จะจัดงาน ที่ชื่อว่า ฮานามิ (Hanami) หรือที่เราเรียกกันว่า งานดอกซากุระ จัดขึ้นหลาย จังหวัดในญี่ปุ่น เช่นเมือง เซนได(Sendai)
แถบภูเขาฟูจิ หรือเมือง ฮ็อกไกโด (Hokkaido) ก็มีด้วยเช่นกัน ซึ่งภายในงาน ก็จะเต็มไปด้วย คนที่เดินชมงาน มีทั้งคนญี่ปุ่น แล้วก็คนต่างชาติ มีของขายมากมาย ผู้คนในงาน ก็จะเดินชม ความสวยงาม ของดอกซากุระ โดยแถวบริเวณ ปราสาท วัด และสวนสาธารณะ จะเป็นจุดที่ ดอกซากุระเยอะมากๆ
สำหรับเมือง โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น ก็คงยังเป็น อีกหนึ่งสถานที่ ท่องเที่ยวใน แถบเอเชีย ที่คนไทยหลายคน ฝันอยากที่จะ เดินทางไปเที่ยว มากที่สุด เพราะด้วยเหตุว่า เมืองโตเกียว เป็นเมืองที่ เต็มไปด้วย ผู้คนมากมาย จากหลายประเทศ ที่ทั้งต่างเดินทาง มาเที่ยวและ พักอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นจำนวนมาก
อีกทั้งอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง ที่มีมากมาย หลากหลายแบรด์ มีทั้งแบรนด์ดังๆ และแบรนด์ทั่วไป ซึ่งที่สำคัญ ยังมีราคาถูก มากอีกด้วย และรอบเมืองโตเกียว ก็ยังมีเมือง ชินจูกุ (Shinjuku) สถานที่เที่ยวสุดฮิต ที่คนไทยทั้งหลาย ชอบเดินทางไปเที่ยว หรือจะเป็นย่าน ชิบูย่า (Shibuya)
ที่นักท่องเที่ยว จะต้องไปยืน ถ่ายรูปที่ 5 แยกชิบูย่ากัน เพื่อให้รู้ว่า เรามาถึงที่ แถวย่านนี้แล้ว และสำหรับคน ที่ชอบเล่นเกมส์ ก็ยังมีแหล่ง เครื่องเกมส์ทั้งหลาย ที่แถวย่าน อากิฮาบาระ (Akihabara) ที่มีทั้งเกมส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่น่าสนใจมากมาย ให้เราได้ไป ช้อปกันอย่างเต็มที่
อีกหนึ่งเมือง ที่นักท่องเที่ยว จะชอบเดินทาง ไปเที่ยวกัน ก็คือจังหวัด ฮ็อกไกโด (Hokkaido) ที่นักท่องเที่ยว จะมาเที่ยวกัน ในช่วงหน้าหนาว มาท้าลมหนาว หรือบางคน ก็มาเล่น สกีหิมะกัน และถ้าพูดถึง ฮ็อกไกโดแล้ว ก็ต้องนึกถึง ซัปโปโร (Sapporo) ซึ่งถือว่าเป็น สถานที่เที่ยวหลัก ของที่นี่เลย
และที่เมืองนี้ก็จะมี สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) เป็นสวนสาธารณะ ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง เมืองซัปโปโร มีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร เป็นสถานที่ ไว้ใช้จัดงาน อีเวนท์ต่างๆ ซึ่งงานที่มี ชื่อเสียงโด่งดัง มากที่สุด ก็คืองาน เทศกาลฤดูร้อน (Summer Festival) ซึ่งจะมีเบียร์การ์เด้น ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
และก็งาน เทศกาลหิมะ (Snow Festival) ที่จะจัดงานแข่ง แกะสลักน้ำแข็ง ขึ้นทุกปี และภายในงาน ก็จะเต็มไปด้วย ผลงานน้ำแข็งและ หิมะแกะสลัก ขนาดที่ใหญ่มาก แถมคนไทย ที่มาแข่งขันที่นี่ ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ หลายปีติดแล้วด้วย หนังทําเงิน2017
ซูชิญี่ปุ่น (Sushi) ถ้าคุณคิดว่า ซูชิที่ไทย มีรสชาติที่อร่อยแล้ว แต่ถ้าคุณได้มีโอกาส มาทานซูชิ ที่ญี่ปุ่นซักครั้ง คุณจะลืมรสชาติ ของที่ไทยไปเลย เพราะด้วยความเป็น ต้นตำหรับของที่นี่ วัตถุดิบที่ใช้ และคุณภาพของอาหาร แต่ละชนิด บอกได้เลยว่า ที่นี่คือของจริง
ซึ่งร้านซูชิที่ญี่ปุ่น ก็มีมากมายหลายร้าน ทั้งในย่าน Tokyo Shibuya Shijuku ที่มีตั้งแต่ ราคาถูก ไปถึงราคาแพง ซึ่งคุณภาพอาหาร ก็จะแตกต่างกันออกไป แต่บอกว่าเงิน ที่คุณเสียไปกับการ กินอาหารที่นี่ คุ้มทุกบาท ทุกสตางค์แน่นอน และเนื้อปลาที่นี่ มีความสดมาก และไม่มีกลิ่นคาวเลย แม้แต่นิดเดียวล
ราเมน และอูด้ง (Ramen, Udon) อีกหนึ่งอาหาร ที่เป็นต้นตำหรับ สำหรับใครที่ชอบ ทานราเมน เป็นประจำที่ไทยอยู่แล้ว แต่ถ้าได้มาลอง ทานที่ญี่ปุ่น บอกได้เลยว่า ราเมนของที่นี่ รสชาติน้ำซุปที่มี ความเป็นเอกลักษณ์ ของแต่ละร้าน จะมีความแตกต่างกันออกไปทั้งกลิ่นเครื่องเทศหอมๆ วัตถุดิบคุณภาพดี ให้ปริมาณเต็มชาม ความเหนียวนุ่มของเส้น แค่ได้ยินแค่นี้ ก็ชวนให้น้ำลายไหล กันแล้ว ที่เที่ยวเกาหลี
ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญต่อตลาด “คนไทยเที่ยวญี่ปุ่น” ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง! สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักได้ไม่เกิน 15 วัน เหมือนกับช่วงปกติก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19
ศิริพร บัณฑิตย์จิรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจากญี่ปุ่นประกาศ “เปิดประเทศ” นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปได้ไม่ยุ่งยาก มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2565 เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวที่เพิ่มมาจากสมัยก่อนโควิด-19 ระบาดคือ ต้อง “แสดงเอกสารรับรอง” อย่างใดอย่างหนึ่ง
ระหว่าง 1.ใบรับรองการตรวจโควิด-19 ผลเป็นลบ โดยต้องตรวจภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากไทย ด้วยวิธีที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนด เช่น RT-PCR (ไม่สามารถใช้ผลตรวจ ATK ได้)
หรือ 2.ใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ด้วยยี่ห้อวัคซีนตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศรับรอง เช่น ฉีดซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มครบ 3 เข็ม หรือฉีดซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม 2 เข็มแรก ตามด้วยไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือแอสตราเซเนก้าเป็นเข็มที่ 3 ก็สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้
ตามที่ JNTO ได้ติดตามผลตอบรับจากบริษัททัวร์ ส่วนใหญ่บอกว่ากระแสตอบรับดีมาก! นักท่องเที่ยวไทยต้องการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงไฮซีซัน “ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี” และ “ฤดูหนาว” โดยเฉพาะช่วงหยุดยาว “เทศกาลปีใหม่” มีดีมานด์จองแพ็คเกจท่องเที่ยวเข้ามามากพอสมควร บริษัททัวร์ถึงขั้นต้องรับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับกระแสการเดินทางที่ฟื้นตัว
“นอกจากนี้ยังรับทราบจากบริษัททัวร์เช่นกันว่า เมื่อดีมานด์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นฟื้นตัวเร็ว ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินเส้นทางไทย-ญี่ปุ่น แพงขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยบางส่วนเลือกใช้วิธีแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศอื่นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย”
สำหรับแนวทางการส่งเสริมตลาดคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นนับจากนี้ JNTO จะมุ่งโปรโมทตลาดกลุ่มเดินทางซ้ำ กลุ่มเดินทางครั้งแรก และกลุ่มลักชัวรี พร้อมเชิญอินฟลูเอนเซอร์ไทยโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะมั่นใจว่าสินค้าและบริการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นใน 47 จังหวัด ทั่ว 10 ภูมิภาค มีเสน่ห์ ไม่รู้เบื่อ ทำให้คนไทยต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำหลายๆ ครั้ง
JNTO เตรียมจัดงานส่งเสริมการขาย “งานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2023” (Visit Japan FIT Fair 2023) ครั้งที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 27-29 ม.ค.2566 ณ พารากอนฮอลล์ มีกว่า 100 บูธมาร่วมงาน ทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละท้องถิ่นในญี่ปุ่น โดยคาดหวังว่าจะมีจำนวนผู้เข้าชมงานใกล้เคียงกับเมื่อปี 2562 ซึ่งมีจำนวน 55,000 คน ขณะเดียวกันยังเตรียมเข้าร่วมงาน “มหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 28” (Thai International Travel Fair 2023) จัดโดยองค์กรวิชาชีพภาคการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 16-19 ก.พ.2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ด้วย
ด้านสถิติเมื่อปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่น 1,318,977 คน มากเป็นอันดับ 6 ของตลาดต่างชาติเที่ยวญี่ปุ่น เป็นอันดับ 5 ของตลาดเอเชียเที่ยวญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 1 ของตลาดอาเซียนเที่ยวญี่ปุ่น โดยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีจำนวนเกิน 1 ล้านคน!
รายงานข่าวจากสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ระบุว่า หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2565 เป็นต้นไป ส่งผลให้ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 13-16 ต.ค.ที่ผ่านมา “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” (เที่ยวบินรหัส XJ) มีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) เส้นทางบินจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ประเทศญี่ปุ่น 2 เส้นทาง ได้แก่ โตเกียว และโอซาก้า อยู่ที่ประมาณ 90-95% ทั้งนี้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ตั้งเป้าหมายโหลดแฟคเตอร์เส้นทางญี่ปุ่นตลอดปีนี้ที่ 85-90%
สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า “ไทยแอร์เอเชีย” (เที่ยวบินรหัส FD) ได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทาง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ฟุกุโอกะ แล้วเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งเเรกของไทยแอร์เอเชียที่เปิดบินตรงสู่ประเทศญี่ปุ่น
“ไทยแอร์เอเชียเลือกบินตรงสู่เมืองฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นเมืองน่ารักที่มีศักยภาพพร้อมด้านการท่องเที่ยว โดยหลังประเทศญี่ปุ่นประกาศผ่อนคลายมาตรการ ไม่ต้องใช้วีซ่า ไม่ต้องผ่านทัวร์ ไม่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้ความสนใจการเดินทางสู่ญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ขาเข้าฟุกุโอกะที่ผ่านมามีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 95% และเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ปลายปีกระเเสการเดินทางจะเติบโตต่อเนื่อง”
ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียบินตรงเส้นทางสู่ฟุกุโอกะแล้ว 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A321 จำนวน 236 ที่นั่ง และจะเพิ่มเป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งเเต่วันที่ 30 ต.ค.นี้ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย (ททท.) อย่างใกล้ชิดในการประชาสัมพันธ์เส้นทางดังกล่าว เป้าหมายสำคัญคือการดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทย กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศช่วงปลายปี
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของคนไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับความนิยมจากคนไทย 3 อันดับแรกของปี 2565 ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ สปป.ลาว อ้างอิงข้อมูลจาก Booking.com ผนวกกับได้รับอานิสงส์การที่ “เงินบาท” แข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศปลายทาง แม้ว่าสินค้าและบริการใน “ญี่ปุ่น” จะปรับราคาขึ้นจากเดิม แต่นักท่องเที่ยวคนไทยมองว่าเป็นราคาพอใจจ่ายด้วยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและเป็นความคุ้มค่าทางจิตใจ!
อีกทั้งการเข้ามาทำตลาดท่องเที่ยวขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ และธุรกิจสายการบินทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) กับสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (ฟูลเซอร์วิส) ได้เปิดทำการบินพร้อมกับเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นจูงใจให้คนไทยกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง วางแผนการเดินทางเที่ยวต่างประเทศแทนในประเทศ โดยใช้โอกาสในช่วงวันหยุดยาวออกเดินทาง ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 13-16 ต.ค.ที่ผ่านมาไม่คึกคัก
สำหรับเป้าหมายการดึง “นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น” มาไทยในปีนี้ ททท.ตั้งเป้าไว้ไม่น้อยกว่า 350,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. มีจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นสะสม 178,557 คน
ส่วนปี 2566 ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไว้ที่ 1.25 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 75,000 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปราว 60,000 บาทต่อคน คิดเป็นการฟื้นตัว 70% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย 1,787,185 คน สร้างรายได้ 93,758 ล้านบาท ก่อนที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดจะลากยาว กระทบต่อจำนวนในปี 2563 มีจำนวนลดลงเหลือ 320,331 คน ปี 2564 เหลือเพียง 9,461 คน
นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีก ตัวเลขเดือน พ.ย.พุ่งอีก 87% หน่วยงานเกี่ยวข้องประเมินปี 2023 ฟื้นแน่ แต่มีอุปสรรค แรงงานไม่พอ
วันที่ 22 ธันวาคม 2565 บลูมเบิร์ก รายงานอัพเดตจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าญี่ปุ่นอีกครั้งเดือนพฤศจิกายน หลังจากเปิดประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางความหวังว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นดีขึ้นในปีหน้า
องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานว่า เดือนที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 934,500 คนแห่กันมาเที่ยวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม มีนักท่องเที่ยวเพียง 17,766 คน กระทั่งเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบการควบคุมการเข้าเมืองเมื่อ
แม้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยยังต่ำกว่า 2.6 ล้านคน เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งการท่องเที่ยวเฟื่องฟูสุดขีดในปี 2019 หรือ พ.ศ. 2562 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ร้านค้าปลีกและร้านอาหารมีความหวังขึ้นในปีหน้า หลังจากตกต่ำอย่างหนักในช่วงการระบาดหนัก
ขณะที่นักท่องเที่ยวหวนกลับมาแล้ว แต่ญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรในอุตสาหกรรมขนส่งและการท่องเที่ยวเพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลการสำรวจของบริษัทเทโกคุ ดาต้าแบงก์ เมื่อเดือนกันยายน พบว่าโรงแรมขนาดเล็ก รวมทั้งโรงแรมทั่วไปกว่าร้อยละ 60 มีพนักงานไม่เพียงพอ ทั้งพนักงานประจำและงานพาร์ตไทม์
เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดประกอบกับอัตราเงินเฟ้อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกลงสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าค่าโรงแรม อาหาร การเดินทาง และช็อป
ชุน ทานากะ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอสบีไอ ซีเคียวริตี กล่าวว่าค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นผลจากการตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะไม่มีผลต่อแนวโน้มการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวยังรู้สึกว่าข้าวของที่ญี่ปุ่นถูกกว่าอยู่ดี ดังนั้น ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาด
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือโออีซีดี รายงานเมื่อเดือน พ.ย.ว่าความเสี่ยงอื่น ๆ ต่อการเดินทางทั่วโลกมีหลายปัจจัย รวมทั้งค่าพลังงาน ค่าสินค้า ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ขาดแคลนแรงงานและช่องว่างทักษะ ซึ่งเกิดจากความคาดหวังของนายจ้าง สวนทางกับความสามารถของแรงงาน
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักเดินทางต้องคิดหนัก เพราะต้องคำนึงถึงงบประมาณครัวเรือนและการใช้จ่ายในการเดินทาง โออีซีดีจึงคาดว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2025 หรือหลังจากนั้น
บริษัทท่องเที่ยวเจทีบีสำรวจพบว่าจะมีประชาชนประมาณ 21 ล้านคนเดินทางภายในประเทศในช่วงเทศกาลวันหยุด ระหว่าง 23 ธ.ค. 2022-3 ม.ค. 2023 ซึ่งฟื้นตัวร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับปี 2019
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังกลับมา แต่อาจได้รับผลกระทบบ้างจากโควิดที่ระบาดมากขึ้นและเงินเฟ้อ
เที่ยวญี่ปุ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลบร้อนกับ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไปไม่ถึง
อยู่เมืองไทยในช่วงนี้มันรู้สึกร้อนแสนร้อน หลายคนคงกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวหลบร้อนกันหลายประเทศ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกนั้นต้องเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัย ต้นกำเนิดดอกซากุระอย่าง “ประเทศญี่ปุ่น” แน่นอน เพราะด้วยอากาศที่เย็นสบาย รวมทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเรา ทำให้ญี่ปุ่นเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนคิดอยากจะเดินทางไปเยือน วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาแนะนำ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไม่ถึงจ้า ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวจะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราเลยจ้า… สามารถดู ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
1. พระราชวังอิมพีเรียล
พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีก หนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
ซึ่ง ภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
2. โตเกียว ทาวเวอร์
โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอย สื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ โลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย
3. หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการ ใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
4. ภูเขาฟูจิ
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko) หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ yokosojapan.org
5. ช้อปปิ้งย่านสุดฮิตที่ย่านชินจูกุ ฮาราจูกุ โอไดบะ
เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่ง ท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่ สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม
6. โอซาก้า
เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan
แต่ ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร “คุอุดะโอะเระ” ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
7. ปราสาทฮิเมะจิ
ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด
ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้ บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
8. วัดโทไดจิ
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญ ของเมืองนาราอีก 7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือ วิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)
9. ฮอกไกโด
ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของ ญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็น เมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
10. ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ณ ฟุระโนะ
เมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดู หนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือน กันยายน ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคม ถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี
บรรยากาศเมือง, โตเกียว โดย ShutterStock
มาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย โตเกียวเป็นทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองที่มีความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ ที่วัตนธรรมหรือวิถีชีวิตบางอย่าง ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน หากถามว่าถ้านักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ต้องไปตามย่านไหนในเมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่นบ้างนั้น มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถไปดื่มด่ำทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรม, แหล่งช้อปปิ้งมากมายและ ของกินสตีทฟู๊ตรสชาติอร่อยเด็ด แต่ที่เที่ยวขึ้นชื่อของเมืองโตเกียวนี้ จะมีตั้งแต่ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรืออีกชื่อคือ วัดอาซากูซะ ที่ผู้คนรวมถึง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวโตเกียวนิยมไปขอพรพระโพธิสัตว์กวนอิมกัน ไปต่อกันที่แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมทั้ง ชิบูย่า (Shibuya) , กินซ่า (Ginza) และ อากิฮาบาระ (Akihabara) กับอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้คือ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่ห้ามพลาดกันเลยนะคะ
วัดเซ็นโซจิในอาซากุสะ, โตเกียว โดย ShutterStock
สะพานสายรุ้ง, โตเกียว โดย ShutterStock
โตเกียวทาวเวอร์, โตเกียว โดย ShutterStock
บรรยากาศรอบ ๆ ปราสาทโอซาก้า, โตเกียวโดย ShutterStock
มาต่อกันเลยที่เมืองสุดฮิตอย่าง โอซากะ หรือคนไทยจะออกเสียงเป็นโอซาก้า เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นแล้ว ต้องหาวันว่างสัก 1 วันดื่มด่ำไปกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง สวนสนุกระดับโลก Universal Studios Japan ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างเทใจให้เป็นสถานที่ชาร์จพลัง ต่อมาคือไอคอนแห่งเมืองโอซาก้า ปราสาทโอซะกะ (Osaka Castle) และที่เที่ยวอื่น ๆ ที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง (Osaka Aquarium), ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) และ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ที่มีร้านค้าน้อยใหญ่ ทั้งของกิน ของใช้และของฝากในราคาที่ย่อมเยา หากใครอยากไปเห็นด้วยสายตาตัวเองละก็ รีบจัดทริปแล้วบินไปกันเลย
ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลรอบด้าน มีขนาดพื้นที่ประมาณ 378,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าประเทศไทยประมาณ 130,000 ตารางกิโลเมตร แต่มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 120 ล้านคนซึ่งมากกว่าประเทศไทยเกือบ 1 เท่า สำหรับเวลามาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น คือ UTC+9 ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
เกาะต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นเรียกรวมกันว่า หมู่เกาะญี่ปุ่น (Japanese Archipelago / 日本列島 [Nihon Rettou]) ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นจำนวนมากกว่า 3,000 เกาะ โดยสามารถแบ่งออกเป็นเกาะหลักๆ ได้ทั้งหมด 4 เกาะ และแบ่งย่อยเป็น 8 ภูมิภาค 47 จังหวัด ซึ่งสามารถเรียงลำดับขนาดของเกาะจากใหญ่ไปเล็กได้ดังต่อไปนี้
เกาะฮอนชู (Honshu / 本州) เป็นเกาะหลักของญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ประกอบด้วย 5 ภูมิภาค ได้แก่ โทโฮคุ (Tohoku / 東北), คันโต (Kanto / 関東), ชูบุ (Chubu / 中部), คันไซ (Kansai / 関西) และ ชูโงกุ (Chugoku / 中国) โดยเมืองหลักๆ ของญี่ปุ่นก็ตั้งอยู่ในเกาะนี้อย่างกรุงโตเกียว (Tokyo / 東京) ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่อยู่ทางตะวันออกของเกาะ และจังหวัดโอซาก้า (Osaka / 大阪) ที่อยู่ทางตะวันตกของเกาะ
เกาะฮอกไกโด (Hokkaido / 北海道) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 เป็นที่ตั้งของภูมิภาคและจังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido / 北海道) ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติ จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนที่มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์ และในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม
เกาะคิวชู (Kyushu / 九州) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุดของญี่ปุ่น เป็นเกาะที่ตั้งของภูมิภาคคิวชู (Kyushu / 九州) และยังรวมไปถึงหมู่เกาะโอกินาว่า (Okinawa / 沖縄) มีเมืองหลักอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) ซึ่งตั้งอยู่งทางตอนบนของเกาะ
เกาะชิโคกุ (Shikoku / 四国) เป็นเกาะที่ตั้งของภูมิภาคชิโคกุ (Shikoku / 四国) ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเล็กที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ระหว่างเกาะฮอนชูและคิวชู
สธ. คุมเข้มผู้ที่เดินทางมาจาก “ญี่ปุ่น-สิงคโปร์” เทียบเท่าเดินทางจาก “จีน” แนะไม่จำเป็นงดเดินทางไปเที่ยว หลังญี่ปุ่นยกระดับเตือน “ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019” แพร่ระบาดระยะใหม่
วันที่ 18 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น แถลงยอดผู้ป่วยไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) เพิ่มเป็น 454 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 99 คน บนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ๊นซ์เซส แต่ไม่แน่ชัดว่ารวมชาวอเมริกัน 14 คน ที่ขึ้นเครื่องบินอพยพกลับสหรัฐฯ ไปแล้วด้วยหรือไม่ พร้อมกับเตือนว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ “ระยะใหม่” แนะนำพลเมืองหลีกเลี่ยงที่ชุมชนหรืองานเทศกาลขนาดใหญ่
ขณะที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่อีก 1 ราย เป็นหญิงชาวจีน อายุประมาณ 60 ปี อยู่ในครอบครัวผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ชาวจีนก่อนหน้านี้ 9 ราย ถือว่าเป็นครบทุกคน เท่ากับขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยทั้งหมด 35 ราย รักษาหายและกลับบ้านแล้ว 15 ราย เหลือพักรักษาตัวอยู่ 20 ราย เทียบเป็นอัตรากว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และถือว่าไทยมีอัตราการรักษาผู้ป่วยให้หายสูงสุดในโลก ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนรายที่อาการหนัก 2 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาร่วมด้วย กล่าวได้ว่า ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีผู้ป่วยมากกว่าไทย
โดยทางการญี่ปุ่นประกาศว่ามีผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนจีน แสดงว่าอยู่ในการแพร่ระบาดระยะที่ 3 คือระบาดภายในประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจะให้มีการขยายการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจาก 2 ประเทศนี้ด้วย หากเดินทางมาแล้วมีไข้ จะถือเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค และจับเข้าห้องแยกโรคทันทีเพื่อรับการรักษา
หากตรวจวินิจฉัยแล้วไม่มีไข้ก็จะเช็กประวัติ ตรวจสอบที่อยู่ และติดตามเป็นเวลา 14 วัน รวมถึงขยายการดำเนินงานในส่วนเขตสุขภาพที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสนามบิน ท่าเทียบเรือ ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ เชียงราย เขตสุขภาพที่ 6 ชลบุรี สมุทรปราการ เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เขตสุขภาพที่ 11 ภาคใต้ตอนบน จ.ภูเก็ต เพื่อควบคุมการระบาดในประเทศ ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย หากพบมีอาการหวัดให้มีการตรวจวินิจฉัยอาการตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปญี่ปุ่นกว่า 1 ล้านคนต่อปี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยติดอยู่ในอันดับ 5 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางไปญี่ปุ่นในแต่ละปี จึงขอเตือนคนไทยหากไม่มีความจำเป็นโปรดหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในสถานการณ์ที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019.
คณะทำงานของรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวกำลังแรงนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในช่วงหลายปีที่จะถึงนี้
เมื่อวันอังคารที่ 9 มีนาคม คณะกรรมการศึกษาวิจัยแผ่นดินไหวได้เปิดเผยผลการประเมินการสั่นสะเทือนนอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณภูมิภาคโทโฮกุในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวกำลังแรงและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554
คณะกรรมการระบุว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดหรือแมกนิจูด 4 หรือสูงกว่าในพื้นที่ที่เกิดการสั่นสะเทือนระลอกหลังหรืออาฟเตอร์ช็อก 208 ครั้ง ตัวเลขนี้ไม่ถึง 1 ใน 25 ของจำนวนที่บันทึกได้ตลอด 1 ปีหลังเกิดภัยพิบัติ
แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ขณะนี้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดภัยพิบัติตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณภูมิภาคโทโฮกุ และใกล้ร่องลึกก้นสมุทรญี่ปุ่นที่ทอดตัวตามชายฝั่งภูมิภาคโทโฮกุไปจนถึงภูมิภาคคันโต
สนับสนุนข้อมูลโดย ดูหนังใหม่ชนโรง
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขยายเวลาภาวะฉุกเฉินที่ประกาศใช้เพื่อควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไปอีก 2 สัปดาห์ สำหรับกรุงโตเกียวและจังหวัดข้างเคียง 3 จังหวัด ได้แก่ ชิบะ, ไซตามะ และคานางาวะ
ที่การแถลงข่าวเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม นายซูงะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า “เราได้ตัดสินใจที่จะขยายเวลาภาวะฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 21 มีนาคม กรอบเวลาดังกล่าวจำเป็นต่อการควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวังมากขึ้น”
มีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยกำหนดสิ้นสุดเดิมคือวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม
นายซูงะกล่าวว่าเกณฑ์ที่ใช้พิจารณานั้นรวมถึงผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน และขีดความสามารถที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลในพื้นที่เหล่านั้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
นายซูงะกล่าวเสริมว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเพิ่มความพยายามในการป้องกันการติดเชื้อแบบเป็นกลุ่ม ด้วยการตรวจหาเชื้อที่สถานดูแลผู้สูงอายุและสถานที่อื่น ๆ ประมาณ 30,000 แห่ง ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้