2 เมืองสุดฮิต !! สถานที่ไฮไลท์ เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว-โอซาก้า
ญี่ปุน ประเทศท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในใจของหลายๆคน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ในญี่ปุ่น ที่สำคัญญี่ปุ่นนั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะไปชมดอกไม้หรือไปร่วมงานเทศกาลท้องถิ่น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้เปลี่ยน หรือแม้กระทั่งฤดูหนาว เส้นทางหลากหลาย บอกเลยว่าไปเที่ยวครั้งเดียวไม่พอครับ ซึ่งเมืองหลักๆที่คนนิยมเดินทางไปเที่ยวนั่นคือ โตเกียวและโอซาก้า นั่นเอง
โตเกียว
กรุงโตเกียว เมืองหลวงชื่อดังในญี่ปุ่นที่ใครๆก็ต้องรู้จัก ย่านแห่งการคมนาคมการขนส่งจุดศูนย์กลางของดินแดนอาทิตย์อุทัย เดินทางสะดวกด้วยคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายในราคาที่ไม่แพง ใครที่พาคุณแม่หรือลูกๆมาเที่ยวญี่ปุ่น หมดกังวลเรื่องการเดินทางไปได้เลย แต่ถ้ามาแบบวางแผนเที่ยวเองก็ต้องขยันวางแผนหน่อยนะครับ ถึงแม้ว่าจะมีการคมนาคมที่สะดวก แต่เราก็ยังต้องสู้กับความเหนื่อยในการเดินไปยังสถานีต่างๆและการดูแผนที่ในการท่องเที่ยวไปพร้อมๆกัน
โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)
โตเกียวทาวเวอร์ แลนด์มาร์กยอดนิยมของโตเกียว สัญลักษณ์ของเมือง สำหรับใครที่มาครั้งแรกอย่าพลาดที่จะมาถ่ายรูปกับโตเกียวทาวน์เวอร์กันครับ ซึ่งหอคอยโตเกียวแห่งนี้มีเปิดให้นักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนที่สามารถดูได้แบบ 360 องศาเลยล่ะ เปิดทุกวัน เวลา 9:00 – 22:00 น. หรือใครอยากซื้อของฝาก ในโตเกียวทาวน์เวอร์ก็มีร้านของที่ระลึกด้วยนะครับ เป็นแลนด์มาร์กแรกที่น่าไปสุดๆ
ย่านชินจูกุ (Shinjuku) & ย่านชิบูย่า (Shibuya)
ย่านชินจูกุ & ย่านชิบูย่า แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางโตเกียว ซึ่งห่างกันเพียงสถานีเดียว ย่านที่สายช้อปปิ้งห้ามพลาด !!! ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างแดนหรือชาวญี่ปุ่นต่างก็มาช้อปกันที่นี่ 2 ย่านนี้ ถือว่าเป็นย่านที่คนคึกคักมากที่สุด ศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ ๆ ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า และเป็นแหล่งสินค้าแบรนด์ชั้นนำอีกด้วย
หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค (Oshino Hakkai)
หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ กับ ทะเลสาบยามานาคาโกะ สถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำทั้ง 5 และยังมีแบล็คกราวด์เป็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปดื่มน้ำที่นี่ เพราะเค้าว่ากันว่าบ่อน้ำในหมู่บ้านโอชิโนะฮัคไคนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ดื่มก็จะมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าจะพาแม่ไปเที่ยวไหนดี ก็อย่าลืมมาที่หมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้กันนะครับ
วัดนาริตะ (Naritasan Shinshoji Temple)
วัดนาริตะ วัดศาสนาพุทธชื่อดังในนาริตะ วัดใหญ่ที่สุดในเขตคันโต เป็นวัด 3 อันดับแรกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะมากที่สุด แถมวัดนาริตะยังตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนาริตะ เราสามารถเดินทางไปวัดนาริตะได้ง่ายๆจากสนามบิน โดยภายในวัด เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามอันแสดงออกถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และยังมีเครื่องรางขอพรเรื่องโชคลาภต่างๆมากมาย รวมทั้งสินค้าที่ระลึกต่างๆ บริเวณรอบๆวัด
ย่านกินซ่า (Ginza)
กินซ่า แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตในญี่ปุ่น ย่านช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ เหมาะสำหรับครอบครัวสาบช้อปเป็นที่สุด แต่เดี๋ยวก่อน ย่านกินซ่าเป็นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในที่ดินราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่น จึงทำให้ร้านค้าร้านอาหารแถวนี้ราคาแพงสุดๆไปเลยล่ะครับ ต้องพกเงินไปหนาๆกันหน่อย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์และสินค้าแฟชั่นแบรนด์ชั่นนำต่างๆก็มารวมอยู่ในย่านนี้ด้วยยย
แม่น้ำเมกุโระ (Meguro)
แม่น้ำเมกุโระ จุดชมดอกซากุระที่โด่งดังที่สุดในโตเกียว เพราะตลอดสองฝั่งทางของแม่น้ำเมกุโระนั้นเต็มไปด้วยต้นซากุระถึง 830 ต้น !! และชมได้ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน สามารถเดินจากสถานี Naka-Meguro Station ประมาณ 10 นาทีครับ
ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko)
ทะเลสาบคาวากูจิโกะ สถานที่เที่ยวรอบๆโตเกียวครับ และเป็นหนึ่งสถานที่ที่คนไปเที่ยวโตเกียวก็จะไม่พลาดที่จะมาเที่ยวที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ ชมวิวแนวธรรมชาติตามจุดต่างๆ ด้วยความที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ จึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดมากกกกกกกก แนะนำช่วงซากุระและช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมากๆ กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือ ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะ
เชื่อว่าตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนน่าจะคิดถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน เพราะนอกจากแหล่งท่องเที่ยวจะมีความสวยงามเหมือนถูกมนต์สะกดแล้ว อาหารก็อร่อยไม่แพ้กัน และเพื่อให้เพื่อนๆ ได้หายคิดถึง “ญี่ปุ่น” วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ จะพาไปเที่ยวเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กันค่ะ ส่วนจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างตามมาเลย
1.สวนอุเอโนะ (Ueno Park)
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชม เพราะภายในสวนมีทั้งพิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า และธรรมชาติที่สวยงาม ยิ่งถ้าใครไปเที่ยวสวนนี้ช่วงดอกซากุระบานจะต้องติดใจแน่นอน เพราะภายในสวนแห่งนี้มีต้นซากุระเรียงรายมากกว่า 1,000 ต้น เลยทำให้ในแต่ละปีสวนนี้กลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเยือนปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
2.พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของกรุงโตเกียว พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของราชวงศ์อิมพีเรียล ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็น ปราสาทเอโดะ (Edo Castle) ที่เป็นป้อมปราการของเมืองโตเกียว สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะเข้าไปชมความสวยงามของปราสาทแห่งนี้ สามารถเข้ามาชมได้ใน 2 วันนี้ คือ วันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเกิดขององค์จักรพรรดิ และวันที่ 2 มกราคม ซึ่งเป็นวันสำหรับการอำนวยพรปีใหม่
3.พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ซึ่งเป็นค่ายหนังที่สร้างภาพยนตร์หลากหลายเรื่องที่หลายคนหลงรัก เช่น “โตโตโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro)”, “มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)” และ “เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร (Princess Mononoke)” เป็นต้น จนทำให้มีหลายคนเปรียบสตูดิโอจิบลิแห่งนี้เป็นเหมือน “ดิสนีย์แห่งญี่ปุ่น”
4.วัดเซนโจจิ (Sensoji Temple)
เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุดของกรุงโตเกียว เนื่องจากเป็นวัดที่มีทางเข้าโดดเด่นด้วย ประตูคามินาริ (Kaminarimon Gate) ประตูสีแดงใหญ่มหึมา และมีโคมไฟยักษ์แขวนอยู่ นอกจากนี้ ประตูคามินาริ ยังเป็นสัญลักษณ์ของเขต อาซากุสะ ใครมาเยือนต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เมื่อผ่านประตูไปจะพบถนน นากามิเสะ (Nakamise Dori) ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งยาว 200 เมตร เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย
5.อุทยานหลวงชินจูกุ (Shinjuku Gyoen National Garden)
เป็นอุทยานที่สวยงามและมีความเงียบสงบ เดิมอุทยานแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของโชกุน ต่อมาได้กลายมาเป็นอุทยานของพระราชวังอิมพีเรียลในปี 1903 และปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดพื้นที่มากถึง 330 ไร่ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาปิกนิก และเดินเล่น นอกจากนี้ ภายในอุทยานยังมีการแบ่งดสวนออกเป็น 3 โซน คือ สวนญี่ปุ่น สวนฝรั่งเศส และสวนอังกฤษ
อันดับที่ 1 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) [เกียวโต]
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (伏見稲荷大社) เป็นที่รู้จักและโด่งดังจากเซ็มบงโทริอิ (千本鳥居) หรือซุ้มประตูสีแดงแบบญี่ปุ่นกว่าพันต้นที่เรียงรายทอดยาวตลอดเส้นทางเดินอันศักดิ์สิทธิ์ ในทุกปีมีผู้คนมากมายทั้งจากในและต่างประเทศแวะเวียนมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อเก็บภาพความประทับใจของซุ้มโทริอิสีแดงสดที่งดงามราวกับเป็นผลงานชิ้นเอก ว่ากันว่าในช่วงฮัตสึโมเดะ (初詣, การเดินทางไปสักการะขอพรในช่วงวันปีใหม่ของญี่ปุ่น) มีผู้มาเยี่ยมเยียนศาลเจ้าฟูชิมิอินาริมากถึง 2,700,000 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโตเทียบไม่น้อยหน้าศาลเจ้าเมจิ (明治神宮, Meiji Shrine) ในโตเกียวเลยทีเดียว
ไม่ว่าใครที่ได้แวะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ก็คงอดรู้สึกฉงนไม่ได้ว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีเสาโทริอิมากมายถึงเพียงนี้ ทฤษฎีหนึ่งอธิบายไว้ว่า เป็นเพราะในสมัยก่อนมีแนวคิดว่าการ “เดินผ่าน” ซุ้มประตูโทริอิเหล่านี้จะนำพาให้คำขอ “ผ่าน” ไปถึงเหล่าเทพเจ้าได้ บ้างก็ว่าเสาแต่ละต้นเป็นเหมือนการสักการะแสดงคำขอบคุณต่อเทพเจ้าที่ได้ทำให้คำขอแต่ละข้อกลายเป็นจริงอีกด้วย
เนื่องจากพื้นที่สักการะบูชาของศาลเจ้าครอบคลุมไปทั่วทั้งภูเขาอินาริยามะ (稲荷山, Mount Inari) ด้วยทางเดินที่ทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตร และไต่ระดับความสูงขึ้นไปถึง 233 เมตร จึงต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเดินเที่ยวชม ซึ่งภายในพื้นที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแห่งนี้มีทั้งจุดเที่ยวชมและศาลเจ้าเล็กใหญ่ให้แวะสักการะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า กันริกิ (眼力社, Ganriki Shrine) ที่ตั้งขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งดวงตา ศาลเจ้าโอเซกิ (おせき社, Oseki Shrine) ที่มีไว้สักการะเทพเจ้าแห่งลำคอ หรือศาลเจ้ายากุริกิ (薬力社, Yakuriki Shrine) ที่ว่ากันว่าจะช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้กับผู้ที่มาสักการะบูชา และยังมีศาลเจ้าที่ให้โชคลาภและพรเกี่ยวกับสุขภาพอีกมากมาย
นอกจากการเดินผ่านเซ็มบงโทริอิ เส้นทางแห่งซุ้มประตูสีแดงแล้ว การมาสัมผัสฟูชิมิอินาริผ่านเส้นทางบนภูเขาที่เรียงรายไปด้วยศาลเจ้ามากมายนั้นก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย ที่สำคัญ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแห่งนี้ไม่มีเวลาปิดทำการ จึงสามารถมาสัมผัสประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน
อันดับที่ 2 พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum) [ฮิโรชิม่า]
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (広島平和記念碑) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดฮิโรชิม่าที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1955 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึงความเสียหายอย่างมหาศาลจากเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ภายในอาคารมีการจัดแสดงรูปถ่าย เอกสารข้อมูล ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ของผู้รอดชีวิต ไปจนถึงอนุสาวรีย์รำลึกถึงเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้นจำนวนมาก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงหุ่นที่จัดทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหยื่อจากเหตุการณ์ระเบิด และรูปถ่ายของเด็กสาวที่ถูกไฟไหม้ เพื่อถ่ายทอดและเตือนใจผู้มาเยี่ยมชมถึงความโหดร้ายของโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น นอกจากนี้แล้ว ภายในยังมีนิทรรศการที่ให้ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นำมาสู่การทิ้งระเบิดในครั้งนั้นอีกด้วย
ผู้คนมากมายเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อเรียนรู้ถึงความโหดร้ายทารุณของสงคราม และเพื่อตระหนักได้ว่าความสงบนั้นล้ำค่าเพียงใด แม้ตัวโดมปรมาณูจะถูกล้อมรอบด้วยรั้วและไม่ได้เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชม แต่ท่านสามารถรับชมอย่างใกล้ชิดจากบริเวณภายนอกรั้วได้ตลอดเวลา
อันดับที่ 3 เกาะอิทสึคุชิมะ และศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima and Itsukushima Shrine) [ฮิโรชิม่า]
นอกเหนือจากหาดทรายขาวอามาโนะฮาชิดาเตะ (天橋立, Amanohashidate) ในจังหวัดเกียวโต และมัตสึชิมะ (松島, Matsushima) เมืองชายฝั่งในจังหวัดมิยากิแล้ว เกาะอิทสึคุชิมะ (厳島神社) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าเกาะมิยาจิม่า ยังเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่กล่าวขานกันว่าสวยที่สุดและเป็นดั่งสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย ด้วยความยาวโดยรอบเกาะเพียง 30 กิโลเมตร เกาะอิทสึคุชิมะแห่งนี้เป็นเกาะขนาดเล็กอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการนับถือบูชาประหนึ่งเป็นเทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว
ใจกลางเกาะแห่งนี้มีศาลเจ้าอิทสึคุชิมะที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 1,400 ปีก่อน โดยทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งจากในและต่างประเทศหลั่งไหลกันเข้ามาเพื่อรับชมทิวทัศน์อันสวยงามของซุ้มประตูโทริอิที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ภาพของโทริอิที่มองดูแล้วราวกับลอยอยู่กลางทะเลเมื่อยามน้ำขึ้นสูงนั้นเป็นที่ตราตรึงในใจของผู้ที่แวะเวียนมาเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์อันสวยงามแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถพบเห็นและเล่นกับกวางบนเกาะได้อย่างเสรี เหมือนกับที่สวนสาธารณะนารา อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนาราอีกด้วย
อันดับที่ 4 วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) [นารา]
เสน่ห์ของวัดโทไดจิ (東大寺) อยู่ที่ความใหญ่โตตระการตาของศาลาไดบุตสึเด็น (大仏殿, Daibutsuden Hall) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางวัด ด้วยความสูงถึง 15 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นอาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดแห่งนี้มีประติมากรรมไดบุตสึ หรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่สำหรับการกราบไหว้บูชาของพุทธศาสนิกชนประดิษฐานอยู่ ระหว่างเส้นทางจากประตูวัดไปสู่ศาลาไดบุตสึเด็น มีซุ้มประตูนันไดมง (南大門, Nandaimon Gate) ที่มีรูปปั้นเทพคงโกริคิชิ (金剛力士, Kongorikishi) คอยยืนอารักขาอยู่ทั้งสองข้างประตู ความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นไม้ที่สูงตระหง่านถึง 25 เมตรนี้ สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้อย่างไม่รู้ลืม
วัดโทไดจินั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะนารา (奈良公園, Nara Park) ที่มีความกว้างถึง 5.02 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ทั้งหมดดูแลโดยจังหวัดนาราเอง และเปิดให้เข้าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นอกจากตัววัดและสวนสาธารณะแล้ว เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของสถานที่แห่งนี้ก็คือ เหล่ากวางที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะนารา ที่มักจะเล่นกับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร ปัจจุบันมีกวางในสวนแห่งนี้มากถึง 1,200 ตัว และได้รับการจัดให้เป็นสัตว์สงวนแห่งชาติของญี่ปุ่น
อันดับที่ 5 พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (The Hakone Open-Air Museum) [คานากาว่า]
ฮาโกเน่ (箱根, Hakone) เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของธรรมชาติได้ตลอดทั้งสี่ฤดูกาล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้ใช้ความงามของธรรมชาตินั้น รังสรรค์เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1969 และพึ่งได้เฉลิมฉลองวันครบรอบ 50 ปี ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ที่พึ่งผ่านมา
จุดขายสำคัญที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ นิทรรศการประติมากรรมกลางแจ้ง ที่เปิดให้รับชมในพื้นที่โล่งกว้างภายนอก ภายในสวนสวยสีเขียวชอุ่มขนาด 70,000 ตารางเมตร ที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาแห่งเมืองฮาโกเน่นี้ มีผลงานศิลปะร่วมสมัยของช่างแกะสลักยอดฝีมือระดับโลกอย่าง Auguste Rodin, Antoine Bourdelle, Henry Moore, และศิลปินแห่งชาติของญี่ปุ่นอย่าง Taro Okamoto (岡本 太郎) จัดแสดงอยู่รวมถึงกว่า 120 ชิ้น
นอกจากโซนกลางแจ้งแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีส่วนจัดแสดงผลงานภายในร่มอีกด้วย โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ Picasso Pavillion ที่ได้รวบรวมคอลเล็คชั่นงานศิลปะของศิลปินทั่วโลกกว่า 319 ชิ้นมาจัดแสดงโดยพลัดเปลี่ยนกันไป นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี ออนเซ็นน้ำพุร้อนและบ่อแช่เท้าภายในอาคาร ที่สามารถมาแวะพักผ่อนคลายได้อย่างเพลิดเพลินใจอีกด้วย
นาทีนี้เรียกได้ว่าไม่มีการท่องเที่ยวประเทศไหนร้อนแรงเท่าประเทศญี่ปุ่นแล้ว เลื่อนฟีดไปก็เจอแต่คนอยู่ญี่ปุ่นก็เลยอยากไปเที่ยวแบบเขาบ้าง แต่ตัวเองยังมือใหม่กับการเที่ยวญี่ปุ่น แพลนไม่ถูกว่าจะไปไหนดี เราเลยอาสารวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวน่าเที่ยวในญี่ปุ่นที่ต้องไปในปี ค.ศ. 2023 นี้โดยแบ่งออกเป็น 5 เส้นทางในภูมิภาคต่างๆ แต่ละเส้นทางสามารถเก็บให้ครบได้ในทริปเดียว แต่ถ้าอยาก เที่ยวญี่ปุ่น สบายๆ ราคาเบาๆ ไม่ต้องกลัวหลง แนะนำให้ซื้อทัวร์กับ Travelzeed เพราะไม่ว่าจะทัวร์ญี่ปุ่น ทัวร์ฮอกไกโด ทัวร์โอซาก้า ทัวร์โตเกียว หรือ ทัวร์ฟุกุโอกะ เขาก็จัดทริปมาให้เลือกหลากหลาย พาไปเที่ยวสบายๆ ไม่ต้องกลัวโดนเท
01 เที่ยวโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง
หากเอ่ยถึงจุดหมายยอดนิยมของโตเกียวที่ถ้าไปโตเกียวครั้งแรกก็ต้องแวะนั่นก็คือ วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ (Asakusa Temple / Sensoji Temple) วัดนิกายชินโตอันเก่าแก่ของโตเกียวที่โดดเด่นด้วยโคมยักษ์สวยสะดุดตา อีกทั้งมีสถาปัตยกรรมที่ละเอียดลออ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ราว 3-4 วันติดต่อกันด้วย บริเวณลานหน้าวัดยังมีร้านขายของฝากและอาหารทานเล่นชื่อดังหลายเจ้า ใครที่มาเที่ยวที่นี่แล้วกำเงินกลับออกไปครบคือแปลกมาก
ภาพของสะพานเรนโบว์บริดจ์ (Rainbow Bridge) และเกาะเล็กๆ ที่สวยงามเหล่านี้เป็นวิวยอดนิยมที่มองจากโอไดบะ (Odaiba) เกาะเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยนำขยะมาถมหลายสิบปี บนเกาะแห่งนี้มีอาคารสำนักงานที่ทันสมัยและศูนย์การค้าที่ใหญ่โตมากมาย โดยมีการก่อสร้างและปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในปี ค.ศ. 2022 โลเคชั่นที่ไม่ควรพลาดบนเกาะแห่งนี้ก็คือเทพีเสรีภาพที่หันหลังให้กับอ่าวโตเกียว และหุ่นกันดั้มยักษ์ที่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดที่ขยับและส่องแสงออกมาด้วย
ไม่ว่าใครมาเห็นโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นครั้งแรกก็ต้องตื่นเต้นกับความสูงและการออกแบบที่โดดเด่น แถมตอนกลางคืนจะมีไฟสีๆ ส่องแสงอย่างน่าตื่นตา หากขึ้นไปด้านบนจะได้ชมทิวทัศน์ของมหานครโตเกียวจากมุมที่อาจเรียกได้ว่าดีที่สุด ไม่ไกลจากตัวหอคอยจะพบกับแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) ไหลผ่านซึ่งเป็นจุดที่มักพบเห็นเรือนำเที่ยว หากมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมทิวต้นซากุระที่เรียงรายสองฝั่งแม่น้ำอีกด้วยคาวาโกเอะ (Kawagoe) เป็นเมืองศูนย์กลางของจังหวัดไซตามะ ใกล้กับโตเกียวมาก โดยไฮไลท์อยู่ที่ย่านชื่อว่าโคเอโดะ (Koedo) หรือหมายถึง “เอโดะน้อย” เป็นย่านที่มีบรรยากาศย้อนยุคราวกับญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ (ประมาณ 400 ปีก่อน) ร้านรวงส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นร้านขายขนมญี่ปุ่นและข้าวของเครื่องใช้ที่ล้วนแต่ดีไซน์ออกมามีเอกลักษณ์ติดกลิ่นอายย้อนยุค สำหรับใครที่มาเที่ยวโตเกียวแต่ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวเกียวโตก็สามารถมาสัมผัสบรรยากาศที่ใกล้เคียงกันที่นี่ได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลเคชั่นในฝันของคนไทยที่อยากมาเห็นกับตาตัวเองที่สุดก็ต้อง ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ซึ่งตั้งอยู่คาบเกี่ยวสองจังหวัด ได้แก่ ยามานาชิ และ ชิซูโอกะ เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตมากจึงมีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่มากมายนับไม่ถ้วน ถ้านั่งรถจะได้ชมวิวหลายๆ มุมอย่างจุใจ นอกจากนี้การมาชมภูเขาไฟฟูจิในฤดูกาลต่างๆ ที่แตกต่างกันก็จะเห็นวิวสวยแตกต่างกันไป อย่างฤดูใบไม้ผลิก็จะได้เห็นวิวซากุระด้วย ฤดูร้อนก็จะเห็นป่าไม้เขียวชอุ่ม ฤดูใบไม้ร่วงเห็นใบไม้แดง และฤดูหนาวเห็นหิมะขาวโพลนปกคลุม
โอฮาโย~ สวัสดีตอนเช้ากันแบบภาษาญี่ปุ่น ได้ยินแบบนี้ก็ต้องรู้เลยว่าวันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ 15 ที่ เที่ยวญี่ปุ่น เจแปนดินแดนแห่งปลาดิบ ประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติอันสวยงาม หรือแม้กระทั่งแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่รอให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวได้เดินทางมาค้นหาและเที่ยวชมกันได้อย่างสนุกนาน เพราะไม่ว่าจะออกเดินทางไปเที่ยวที่ภูมิภาคไหน คุณก็ต้องติดใจและหลงเสน่ห์กลิ่นอายของวัฒนธรรมอันเก่าแก่โบราณและความน่ารักของผู้คนอย่างแน่นอน แถมญี่ปุ่นยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวได้ครบทุกรูปแบบ ว่าแล้วก็รีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปกับ Traveloka เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่จะทำให้คุณสามารถเลือกได้ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักได้ในราคาสุดคุ้ม แถมยังจองง่ายจ่ายสะดวก เพียงแค่เลือกวันเวลาเดินทางที่คุณต้องการก็สามารถออกไปท่องเที่ยวกับพวกเราได้แล้ว
ตั๋วเครื่องบินพร้อม ก็ตามมา เที่ยวญี่ปุ่น กับ 15 ที่เที่ยวห้ามพลาดได้เลย
มาเริ่มกันที่สถานที่เที่ยว ที่แรกกันอย่าง โตเกียวดิสนีย์ ซี สวนสนุกในเครือดิสนีย์ ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาลและได้รับกระแสตอบรับจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวแทบทุกเพศทุกวัยกันอย่างล้มหลาม เพราะภายในสวนสนุกแห่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องเล่นอันหวาดเสียวต่างๆ มากมาย รวมไปถึงขบวนพาเหรดของเหล่าตัวการ์ตูนจากดิสนีย์ ที่ขนขบวนมาสร้างความสนุกสนานและรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมไปกับความน่ารักและสดใส นอกจากนี้ยังมีร้านของฝากที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อไปให้น้องๆ หนูๆ ที่บ้าน และผองเพื่อนอีกเช่นกัน
2.ยูนิเวอร์แซล เจแปน
อีกหนึ่งสวนสนุกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันนั่นก็คือ ยูนิเวอร์แซล เจแปน หนึ่งในสถานที่ ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายในทุกๆ วัน ที่ต่างพากันเดินทางมาเพื่อสนุกสนานไปกับเหล่าบรรดาเครื่องเล่น โดยเฉพาะโซนยอดฮิตอย่าง แฮร์รี่พอตเตอร์ ที่เต็มไปด้วยของเล่นและของฝากที่ระลึก รวมไปถึงโซนถ่ายรูปมากมายที่เรียกได้ว่าขนฉากในหนังแฮร์รี่มาไว้ที่นี่ได้สมจริงเป็นอย่างมากๆ แถมยังมีเมนูเด็ดอย่าง บัตเตอร์เบียร์ ที่ไม่ว่าใครได้เดินทางมายังยูนิเวอร์แซลแห่งนี้แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองรสชาติกันสักหน่อย
3.ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริไทฉะ
ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริไทฉะ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โออินาริซัง เป็นสถานที่ เที่ยวญี่ปุ่น ในเมืองเกียวโต เขตฟุชิมะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 1,300 ปี โดยจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ความสวยงามของเสาแดงกว่าหมื่นต้น ซึ่งเรียงรายกันจนเกิดเป็นอุโมงค์เสาโทริอิอันสวยงามและมีความยาวถึง 4 กิโลเมตรด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นจุดเด่นของความสวยงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวมายาวนาน และกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้พากันเดินทางมาเช็คอินกันอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปีนั่นเอง
4.ปราสาทฮิเมจิ
ปราสาทฮิเมจิ หรือ รู้จักเรียกกันว่า ประสาทนกกระสาขาว เป็นหนึ่งในสถานที่ เที่ยวญี่ปุ่น ที่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กอันน่าสนใจ เนื่องจากปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 3 ของปราสาทที่มีความสวยงามอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และมีความเก่าถึง 400 กว่าปี นอกจากนี้ยังได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก และเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นที่มีความสวยงามและความโดดเด่น จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางมาเที่ยวชมทัศนียภาพไปพร้อมกับการสวมชุดกิโมโน เพื่อถ่ายรูปกับบรรยากาศโดยรอบได้อย่างเพลิดเพลิน
เมื่อพูดถึงที่เที่ยววิวดี ถ่ายรูปสวยแล้วก็พลาดไม่ได้ที่จะเดินทางมายัง Hitachi seaside park หรือ สวนสาธารณะซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเล จังหวัดอิบารากิ โดยสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสวยงามและความโดดเด่นในเรื่องของดอกไม้นานาพันธ์ุที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ซึ่งบริเวณที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมมาถ่ายรูปกันมากที่สุดก็คือบริเวณทุ่งดอกเนโมฟีเลีย สีฟ้าสวยงาม และทุ่งโคเชีย ที่จะเปลี่ยนสีจากสีเขียวไปเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปได้ตลอดทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
วัดคิโยมิสึเดระ
เยือนเมืองญี่ปุ่น เพลิดเพลินไปกับดินแดนวัดสวย อารยธรรมสุด Unseen ที่ วัดคิโยมิสึเดระ สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่สวยงาม และสำคัญมากๆ เป็ดวัดที่มีชื่อเสียงมากๆ ในกรุงเกียวโต และได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ควรค่าของ ที่เที่ยวญี่ปุ่น รายล้อมไปด้วยต้นซากุระและดอกไม้สีแดง ที่เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวยงามมากๆ ด้านใน มีหลายจุดให้เพื่อนๆ ได้เข้ามาชม และสัมผัสบรรยากาศของ ที่เที่ยวญี่ปุ่น ได้อย่างใกล้ชิด และเดินเล่นตามจุดต่างๆ ของวัด !!
เจดีย์เซกันโตจิ และน้ำตกนาจิ
วัด Seigantoji แห่งวากายามะ ที่มีวัด และศาลเจ้า ที่สวยงามท่ามกลางวิวน้ำตกสุด Unseen น้ำตกนาชิ (Nachi Fall) ที่มีความสูงหล่นมาเป็นสายจาก หน้าผาหินสูง โดยมีศาลาแดง เป็นเป็นเจดีย์อันมีชื่อเสียงของ ที่เที่ยวญี่ปุ่น จังหวัดวากายามะ นั่นเองคร้า!! ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ หนึ่งใน มรดกโลก ที่สวยงามและน่าอัศจรรย์มากๆ ของวิวทิวทัศน์ ที่จัดออกมาเป็น โลเคชั่น ที่ปังมากๆ เที่ยวญี่ปุ่น สัมผัสความเป็นมรดกโลก ของญี่ปุ่น สุดน่าทึ่ง!!
Mitsui Garden Hotel Kyoto Kawaramachi Jokyoji
Mitsui Garden Hotel Kyoto Kawaramachi Jokyoji อีกหนึ่งที่พักที่ดี ที่สุดแห่งกรุงเกียวโต ห้องพักที่เน้นสไตล์โทนสีหม่นๆ แบบเท่ดิบๆ ที่ให้บรรยากาศที่แสนอบอุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่นอายศิลปะฝั่งตะวันตก ได้อย่างลงตัว ความหรูหรา และความสะดวกสบาย ในราคาที่ให้คุณได้คุ้มค่า ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสุดฟินและ สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ต่างๆ ที่เที่ยวญี่ปุ่น และที่พักที่ได้คุณภาพ ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัส!!
ปราสาทโคริยามะ
ดินแดนที่มากด้วยอารยธรรมที่แสนงดงามของ ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาด!! ปราสาทโคริยามะ ตั้งอยู่ในเมืองยามาโตโกริยามะ จังหวัดนาระ ประเทศญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่สำคัญมากๆ อีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ที่ต้องมา!! ที่ปัจจุบันกำแพงปราสาท และป้อมรอบๆ ปราสาท ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ ที่สวยงาม โดยมีศาลเจ้ายานางิซาวะตั้งอยู่ภายในสวนที่มีบรรยากาศที่ดีมากๆ เที่ยวญี่ปุ่น แล้ว แวะชมปราสาทโคริยามะ อันซีน สุดๆ เลยคร้า!!
หินเมโอโตะอิวะ
รีวิว สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าค้นหามากๆ หินเมโอโตะอิวะ ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โขดหินที่เป็น สัญลักษณ์ แห่งการผูกมัด ความรัก ที่อยู่คู่กัน ตั้งอยู่เคียงข้างกัน กลางทะเลใ นจังหวัดมิเอะ ใครที่มา เที่ยวญี่ปุ่น คู่รักคู่ไหน ก็ต้องมา!! หินศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับเทพ ซารุตะฮิโกะโนะโอคามิ แล้วปักหมุดตามแอดมากันเลยคร้า!!
ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
ที่ตั้ง: เมืองโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
โดทงบูริ หรือ ดงโทบุริ เป็นย่านกลางคืนที่คึกคักมากที่สุดของเมืองโอซาก้า ที่มีสัญญลักษณ์ของเมืองนี้อยู่ นั่นก็คือป้ายปูยักษ์ และป้ายนักวิ่งกูลิโกะ โดยจะมีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งรอบๆก็จะมีแหล่งช้อปปิ้งมากมายเรียงรายกันไปแทบทุกทิศทุกทางเลย เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มาแถวนี้ก็เหมือนยังมาไม่ถึงโอซาก้านั่นเอง
วัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง
วัดเซนโซจิเป็นวัดชื่อดังที่สุดของเมืองโตเกียว อยู่ที่ย่านอาสากุซะ มีสัญญลักษณ์เป็นโคมสีแดงขนาดใหญ่ที่ประตูทางเข้า มีถนนด้านหน้าวัดที่เต็มไปด้วยร้านรวงขายขนมและของที่ระลึก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคึกคักมากตลอดทั้งวันของเมืองโตเกียว
ตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji Fish Market)
ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
ตลาดปลาซึกิจิ เป็นตลาดค้าส่งปลา, อาหารทะเล, ผักและผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว รวมทั้งยังมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เนื่องจากมีการซื้อขายสินค้าทะเลกว่า 2000 ตันต่อวัน จึงเหมาะกับการมาเดินชมบรรยากาศของตลาดแบบญี่ปุ่นชิมอาหารหรือซื้อของฝากจากทะเล โดยเฉพาะซูชิทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีการประมูลปลาทูน่าที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ด้วย
โตเกียว ดิสนีย์แลนด์(Tokyo Disneyland) และโตเกียวดิสนีย์ซี(Tokyo Disney Sea)
ที่ตั้ง: เมืองชิบะ(Chiba)ที่อยู่ติดกับโตเกียว ภูมิภาคคันโต(Kanto)
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เป็นสวนสนุกชื่อดังที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ในปี 2013 มีจำนวนมากถึง 17.3 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก จึงเป็นตัวการันตีถึงความเจ๋งของที่นี่ได้เป็นอย่างดี
กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ(Tateyama Kurobe Alpine)
ที่ตั้ง: เมืองโทยาม่า(Toyama) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)
กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ หรือ Snow Wall จะเกิดจากการทับถมของหิมะที่สูงมากถึง 20 เมตรเลยทีเดียว โดยจะเกิดปรากฏการณ์นี้เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายนของทุกปี ซึ่งในพื้นที่ส่วนอื่นๆของญี่ปุ่นถือว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ต่างจะบานสะพรั่งกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้บริเวณนี้ยังสามารถเข้าชมในฤดูอื่นๆที่จะมีความสวยงามแตกต่างกันไปด้วย เช่นการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และการชมทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน
ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ฟาร์มโทมิตะ
ยังอยู่กันที่ฮอกไกโด และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่อยากให้มาเยือนกันสักครั้ง จะได้รู้ว่าการเติบโตในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่จริงแล้วมีหน้าตาเป็นยังไงบ้าง อย่าคิดไปเองว่าที่นี่จะมีแค่ดอกลาเวนเดอร์ธรรมดาเหมือนไร่ดอกไม้ทั่วไป เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่มาเที่ยวฟาร์มโทมิตะ ต่างก็ต้องตกตะลึงไปกับความงามของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดสุดลูกหูลูกตา และยังแซมด้วยดอกไม้ชนิดอื่นๆ จนดูเหมือนอยู่ในสายรุ้งจริงๆ ยิ่งถ้าหากมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ก็จะเห็นดอกไม้เหล่านี้บานเต็มที่จนอดใจไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปกันแน่นอน
วัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง
วัดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของประเทศญี่ปุ่น และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองโตเกียวที่ใครก็ตามที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องถ่ายรูปกับสถานที่แห่งนี้ทั้งในยามกลางวันและกลางคืนกันทั้งนั้น นอกจากความสวยงามและแปลกตาของวัดที่แตกต่างไปจากที่คุ้นเคยกันดีแล้ว วัดนี้ยังมีความเก่าแก่มากเกือบถึง 1,500 ปีด้วย ภายในวัดมีเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ ซึ่งก็มีความเชื่อกันว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แถมทางวัดก็ยังมีเครื่องรางน่ารักๆ ราคาไม่แพงให้พกพากลับมาเป็นสิริมงคลกันด้วย ขอแนะนำทริคนิดหนึ่งว่า หากคุณได้ทำบุญกับวัดนี้ด้วยเหรียญ 5 เยน ก็จะนำพาแต่สิ่งดีๆ มาให้
โตเกียวดิสนีย์แลนด์
สานฝันวัยเด็กของคุณให้กลับมาอีกครั้งด้วยการมาเยี่ยมชมแฟรนไชส์สวนสนุกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นสวนสนุกที่โด่งดังและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่มีนักท่องมาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 อีกด้วย แม้จะเปิดให้บริการมามากกว่า 30 ปี แต่ความนิยมของสวนสนุกแห่งนี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว มีทั้งเครื่องเล่น จุดถ่ายรูป ขบวนพาเหรดที่บอกได้เลยว่า หากไม่ไปแต่เช้าจริงๆ ยังไงก็เที่ยวไม่หมดกันแน่นอน และที่แนะนำสุดๆ ก็คือควรมาเที่ยวที่นี่ในช่วงวันคริสต์มาสสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะประทับใจกับการตกแต่งปราสาทของเจ้าหญิงและเจ้าชายต่างๆ รวมทั้งต้นคริสต์มาสที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยชั่วชีวิต
ใครที่เตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นกันในช่วงนี้ก็อย่าลืมปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่างการเดินทาง และยังควรใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมืออยู่บ่อยๆ ถึงสถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว แต่เชื้อโรคนี้ก็ยังคงอยู่ ยังไงกันไว้ก่อนก็ดีกว่าต้องมารักษาทีหลังแน่ๆ
1.เมืองโอซาก้า
ใครที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือดูหนังเกี่ยวกับญี่ปุ่น ต้องคุ้นเคยกับชื่อเมืองโอซาก้าเป็นอย่างดี และถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ก็ควรมาเยือนเมืองนี้กันสักวัน เพราะที่นี่ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ขนาดอันดับ 3 ของญี่ปุ่นที่เป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมรวมถึงเศรษฐกิจต่างๆ ด้วย มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง เป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studio และยังมีปราสาทโอซาก้าให้ได้ไปเดินชมกัน ขอให้รายละเอียดเพิ่มอีกนิดว่า ปราสาทโอซาก้า เป็นปราสาทที่เคยมีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเคยเกี่ยวข้องกับโชกุนผู้โด่งดังอย่างโทโยโตมิ ฮิเดโยชิด้วย เมื่อชมปราสาทเสร็จแล้วก็มีร้านอาหารอร่อยๆ ในราคาไม่แพงให้เลือกกินเพียบ
2.ปราสาทฮิเมจิ
มาต่อกันที่ปราสาทเก่าแก่อีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่สวยมาก และยังมีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้ได้รับการเก็บรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ และยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในแบบญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยม บริเวณรอบๆ ปราสาทยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันเหมือนในหนังหลายๆ แบบ และภายในยังมีการออกแบบให้เหมือนเขาวงกตเพื่อไม่ให้ศัตรูสามารถโจมตีได้ง่ายๆ ด้วย ใครที่สนใจสถานที่ท่องเที่ยวแนวนี้ แนะนำให้จ้างไกด์เพิ่มสักคน จะได้ความรู้ดีๆ กลับมาเพียบเลย
3.ย่านฮาราจูกุ และย่านชินจูกุ
มาถึงคิวของสายช้อปปิ้งกันบ้างแล้ว มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องมาเดินช้อปปิ้งกันที่ย่านชินจูกุ และย่านฮาราจูกุ ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ไม่ได้มีแต่ของแบรนด์เนม และร้านค้าชื่อดังที่รู้จักกันดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่นำเทรนด์แฟชั่นที่คนไทยเห็นแล้วต้องอมยิ้มให้กับความน่ารักกันแน่นอน ส่วนตอนกลางคืนในย่านนี้ก็จะเต็มไปด้วยสถานบันเทิงที่มีความสนุกแปลกใหม่ให้เที่ยวกันทั้งคืน ถ้าไม่รู้จะไปที่ไหนดี มาที่นี่เที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืนแบบสุดเหวี่ยงกันไปเลย
4.ตลาดปลาสึกิจิ
ใครที่ชื่นชอบการกินปลาดิบหรือซาซิมิ ก็คงจะต้องเคยได้ยินชื่อของตลาดปลาสึกิจิ ตลาดขายปลาสดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและของโลกกันอย่างแน่นอน ถ้าคุณมาเที่ยวญี่ปุ่นก็อยากให้ลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง ถ้าหากมาในช่วงเวลาเช้ามืด ก็จะเห็นการประมูลปลาทูน่าแข่งกันเป็นที่สนุกสนาน แต่ถึงจะมาเวลาอื่นก็ยังสามารถตื่นตาตื่นใจกับปลาขนาดใหญ่ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย และด้วยความที่เป็นตลาดปลานี้เอง ทำให้มีของฝากจากทะเล รวมทั้งร้านที่ขายอาหารทะเลอร่อยๆ ในราคาไม่แพงอีกด้วย มีตั้งแต่อาหารทะเลที่เป็นของพื้นบ้านหากินได้ยาก ไปจนถึงอาหารทะเลแบบเกรดพรีเมียมที่จะหาที่ไหนสดใหม่กว่าที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว
5.เมืองฮอกไกโด
ถ้าพูดถึงชื่อเมืองฮอกไกโด หลายคนอาจจะนึกออกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ขึ้นชื่อ เช่นปูฮอกไกโด นมฮอกไกโด แต่จริงๆ แล้วที่เมืองนี้ยังมีอะไรดีมากกว่านั้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางด้านธรรมชาติที่สามารถมาเยือนได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็จะมีความสวยความงามที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ฮอกไกโดยังมีเมืองหลวงชื่อซัปโปโรที่มีงานเทศกาลหิมะที่โด่งดังที่สุด ถ้าใครเคยดูภาพยนต์เรื่องแฟนเดย์ที่พระเอกพานางเอกไปเที่ยวดูงานหิมะก็คือที่นี่เลย และยังมีเมืองฮากะดาเตะที่เป็นตลาดขายอาหารทะเลท้องถิ่นอีกด้วย มาที่เมืองนี้เมืองเดียว สามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างกว่าที่คุณคิด แถมยังไม่ไกลจากเมืองหลวงโตเกียวอีกด้วย
อย่างที่หลายคนน่าจะเดาได้ "ถ้ามาญี่ปุ่นต้องโตเกียว" แน่นอนว่าโตเกียวได้รับสามดาวไม่น่าสงสัยเลย ในกรุงโตเกียวมีสถานที่ที่เป็นสามดาวอย่างเช่น Tokyo Metropolitant Government Building, ย่านชินจูกุศาลเจ้าเมจิ (明治神宮) พิพิธภัณฑ์ศิลปะอุเอะโนะ Hermes Ginza ส่วนอาซากุสะที่คนไทยรู้จักกันดีได้เพียงสองดาว
ต่อมาเป็นสถานที่ที่ได้อันดับสูงกว่าที่คิดไว้ คือภูเขาทาคาโอะที่นี่อยู่ใกล้ ๆ โตเกียวค่ะ ที่เป็นที่นิยมคงเป็นเพราะภูเขาแห่งนี้ปีนถึงเส้นชัยได้ง่ายก็ได้ไปสัมผัสธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แล้ว
ป่าไผ่ที่วัดโฮโคคุจิ (Houkokuji temple) ในปี 2013 เลื่อนขั้นจาก 2 ดาว เป็น 3 ดาว ถ้าพูดถึงคามากุระละก็คนญี่ปุ่นจะนึกถึงศาลเจ้าทสึรุกะโอกะ อาจิมังกู (Tsurugaoka hachimangu) กับหลวงพ่อโตพระไดบุตสึ ซึ่งได้ 1 และ 2 ดาว ตามลำดับ ที่คาดไม่ถึงคือวัดโฮโคะคุจิกับวัดโทเคจิ (Toukei-ji) ต่างก็คว้าสามดาวไปครอง สถานที่ที่ธรรมชาติและวัดอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวนั้นคงเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ
ไม่ได้สามดาวก็แปลกแล้วสำหรับสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซัง ยิ่งเมื่อได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
นิกโก้นั้นเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่และความหรูหราในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันมีชาวต่างชาติจำนวนมากหลั่งไหลไปที่นี่