ปัจจุบันการท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้นง่ายแสนง่าย ทั้งตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกลง การยกเว้นวีซ่าสำหรับการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน อีกทั้งญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่ปลอดภัย มีการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม จนเรียกได้ว่าใครๆ ก็สามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมารองรับมากมาย แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผู้เดินทางจำเป็นต้องเตรียมตัวด้วยตนเองซึ่งก็คือเรื่อง ‘เงิน’ นั่นเอง หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เราก็มี…วิธีการตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นง่ายๆ โดยกลยุทธ์คำนวณค่าใช้จ่ายด้วยเลข 0 …มาฝากค่ะ
วิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายเพื่อตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่น
ขั้นตอนที่ 1: วางแผนการท่องเที่ยว
อย่างแรกเลยเราควรวางแผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ ก่อนค่ะ เพื่อที่จะได้เริ่มคำนวณค่าใช้จ่ายได้ถูก โดยมีหัวข้อที่ต้องคำนึงถึงดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 2: คำนวณค่าใช้จ่ายตัวเลขด้วยเลข 0
การคำนวณงบประมาณเป็นอีกเรื่องที่หลายคนถกเถียงกันว่าควรตั้งเป็นเงินบาทหรือเงินเยน ที่จริงแล้วก็มีข้อดีแตกต่างกันไปค่ะ หากคำนวณด้วยเงินบาท เราจะประเมินได้ว่าถูกหรือแพงและรู้ตัวเลขเงินบาทในทุกรายละเอียด แต่การคำนวณด้วยเงินเยนจะสะดวกกว่า เนื่องจากว่าไม่ต้องนั่งคำนวณเป็นเงินบาททุกอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่เราจะก็ใช้เงินกันในญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดจึงมาในรูปแบบเงินเยน
ในการคำนวณนั้น เราเพียงแค่รวบรวมค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นทั้งหมดแล้วคำนวณเป็นเงินบาทภายในครั้งเดียวแล้วมาบวกกับค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ (เราใช้วิธีนี้ตลอดค่ะ) รวมถึงการนำหลักการคำนวณด้วยเลข ‘0’ มาใช้ ซึ่งจะปัดเศษให้สูงขึ้นเป็นเลขกลมๆ เพื่อสะดวกต่อการคำนวณและเป็นการเผื่องบไม่ให้ขาดด้วยค่ะ โดยจะปัดเศษที่หลักร้อยหรือหลักพันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของเพื่อนๆ เลยค่ะ ซึ่งเราจะขอแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 6 ส่วนดังนี้
JR Rail Pass (7 Days) 29,110 เยน (ตีเป็น 30,000 เยน) ⇒ 9,000 บาท/คน
Tokyo Wide Pass (3 Days) 10,000 เยน ⇒ 3,000 บาท/คน
Tokyo Subway Ticket (24 Hours) 800 เยน (ตีเป็น 1,000 เยน) ⇒ 300 บาท/คน
Osaka Amazing Pass (1 Day) 2,500 เยน (ตีเป็น 3,000 เยน) ⇒ 900 บาท/คน
วันที่ไม่ใช้พาส/ไปนอกเหนือเส้นทางพาส 1,000 – 2,000 เยน ⇒ 300 – 600 บาท/วัน/คน
ขับรถเที่ยว ค่าเช่ารถ+ประกันภัย (รถนั่ง 4 คน) เริ่มต้นวันละ 12,000 เยน ⇒ 3,000 บาท/คัน
※สามารถใช้เว็บไซต์ Hyperdia.com เพื่อตรวจสอบค่าโดยสารรถไฟ หรือ Google Map เพื่อตรวจสอบค่าโดยสารในเส้นทางได้ค่ะ
โฮสเทล (ห้องรวม)/โรงแรมแคปซูล 3,000 เยน ⇒ 900 บาท/คืน/คน
โรงแรมธุรกิจแบบตะวันตก (3 ดาว) ห้อง 2 คน 3,000 – 5,000 เยน ⇒ 900 – 1,500 บาท/คืน/คน
โรงแรมห้องญี่ปุ่น (เรียวกัง) 10,000 เยน ⇒ 3,000 บาท/คืน/คน
โรงแรม/รีสอร์ทขนาดใหญ่ 10,000 – 15,000 เยน ⇒ 3,000 – 4,500 บาท/คืน/คน
※สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ » รูปแบบโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น
Universal Studios Japan (USJ) 7,900 เยน (ตีเป็น 8,000 เยน) ⇒ 2,400 บาท
Tokyo Disneyland/Tokyo DisneySea 7,400 เยน (ตีเป็น 8,000 เยน) ⇒ 2,400 บาท
Tokyo Skytree (TEMBO DECK) 2,060 เยน (ตีเป็น 3,000 เยน) ⇒ 900 บาท
Osaka Aquarium KAIYUKAN 2,300 เยน (ตีเป็น 3,000 เยน) ⇒ 900 บาท
Osaka Castle 600 เยน (ตีเป็น 1,000 เยน) ⇒ 300 บาท
Kiyomizu Temple 400 เยน (ตีเป็น 500 เยน) ⇒ 150 บาท
ขนมของฝากในสนามบิน ประมาณ 1,000 – 2,000 เยน ⇒ 300 – 600 บาท/กล่อง
ขนมทั่วไป เช่น ช็อคโกแลต ประมาณ 100 – 500 เยน ⇒ 30 – 150 บาท/กล่อง,ถุง
กระเป๋าเป้ทรงยอดฮิต ประมาณ 5,000 – 6,000 เยน ⇒ 1,500 – 1,800 บาท/ใบ
รองเท้าผ้าใบลำลอง ประมาณ 10,000 – 15,000 เยน ⇒ 3,000 – 4,500 บาท/คู่
เครื่องสำอางในร้านขายยา ประมาณ 1,000 – 3,000 เยน ⇒ 300 – 900 บาท/ชิ้น
※ร้าน Duty Free (หลังจากที่ผ่านต.ม.แล้ว) จะไม่มีภาษี แต่ร้านที่อยู่ด้านนอกในสนามบินจะมีภาษี 8% นะคะ แนะนำว่าให้อดใจเข้าไปช็อปด้านในจะดีกว่า นอกจากว่าจะเป็นร้านที่มีสิทธิ์ Tax Free ซึ่งซื้อครบ 5,000 เยน ⇒ 1,500 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีค่ะ
※สำหรับห้างสรรพสินและร้านค้าในเมือง ก็มีร้านที่เป็น Tax Free เช่นกันค่ะ โดยจะมีแปะป้ายไว้หน้าร้านเลย
※สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ » ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?…21 ไอเดียของฝากน่าซื้อจากญี่ปุ่น ของยอดฮิตที่ห้ามพลาด!